“ทักษิณ”ควง“ธรรมนัส”ร่วมงานสวดศพ “สจ.โต้ง” 17 ธันวาคมนี้ตำรวจภูธรภาค 2-กองปราบฯ เปิดปฏิบัติการ “ทลายรังนักเลง EP.2” บุกตรวจค้น 5 เป้าหมายเครือข่ายผู้มีอิทธิพลใน จ.ปราจีนบุรี จากคดี สจ.โต้ง ปราจีนฯ ยึดปืน-กระสุน ไว้ตรวจสอบผู้ช่วย ผบ.ตร.ยันดำเนินการต่อเนื่อง พบกำนัน ต.วังดาลโยนกระสุน-แมกกาซีน ทิ้งน้ำ เผยพร้อมให้ความร่วมมือตำรวจ
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ สส.พะเยา มีกำหนดการเดินทางเข้าร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรืออดีต “สจ.โต้ง ปราจีนบุรี” อายุ 48 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านพักของนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี ซึ่งตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดมะกอกสีมาราม ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ โดยจัดขึ้นเป็นคืนที่ 6 โดยนายทักษิณ และ ร.อ.ธรรมนัส ได้ส่งพวงหรีดแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านั้นทางนายทักษิณ ได้ออกมายอมรับว่า สจ.โต้ง อยากให้ภรรยา ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ปราจีนบุรี ในนามพรรคเพื่อไทย ด้วย
เช้าวันเดียวกัน ที่ สภ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผบก.สส.ภ.2 พร้อมกำลังตำรวจสังกัด บช.ภ.2 และชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เข้าตรวจค้นเป้าหมายผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ทั้งหมด 5 เป้าหมาย ภายใต้ปฏิบัติการ “ทลายรังนักเลง EP.2” โดยเป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ซึ่งได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร.ให้ดูแลรับผิดชอบเรื่องการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง โดยมีคำสั่งให้ทางตำรวจ บช.ภ.2 ร่วมกับ บก.ป.ระดมกำลังกันเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นดังกล่าว
สำหรับจุดแรก และจุดที่ 2 เป็นบ้านพักของนายไพบูลย์ ช่างฉาย นายก อบต.วังดาล ตั้งอยู่เลขที่ 160 หมู่ 12 ต.วังดาล อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยอาณาบริเวณมีบ้านพักรวม 3 หลัง ได้แก่ บ้านของ น.ส.ชนนิกานต์ สจ.กบินทร์บุรี เขต 7 (ลูกสาวของนายไพบูลย์) บ้านของนายคมกริบ กำนัน ต.วังดาล (ลูกชายของนายไพบูลย์) และบ้านพักของนายไพบูลย์เอง จากการตรวจค้นพบปืนยี่ห้อกล๊อก 1 กระบอก ปืนพกสั้นยี่ห้อซิกซาวเออร์ 2 กระบอก พร้อมด้วยแมกกาซีน 3 อัน กระสุนปืนขนาด 9 มม.29 นัด ซึ่งปืนทั้งหมดมีทะเบียนถูกต้อง จึงอายัดนำส่ง สภ.กบินทร์บุรี ไว้เพื่อตรวจสอบต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้น ปรากฏว่า นายคมกริบ ได้ขับรถปิกอัพ เข้ามาในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นภายในรถ พบอาวุธปืนขนาด 9 มม.โดยนายคมกริบ เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจเมื่อทราบว่าทางตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักตน ขณะนั้นอยู่ในสวน โดยรีบเดินทางกลับมาเพื่อให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ระหว่างทางได้โยนกระสุนปืนและแมกกาซีน ลงน้ำ โดยให้เหตุผลว่าปืนของตนมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่มีใบอนุญาตพกพา เกรงว่าจะมีความผิด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพร้อมจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกอย่าง สำหรับอาวุธปืนนั้นมีไว้เพื่อป้องกันตัวเอง เนื่องจากทราบเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน จ.ปราจีนบุรี จึงมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย
นายคมกริบ เปิดเผยด้วยว่า รู้จักกับ สจ.โต้ง และโกทร แต่ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใดๆ จากทั้งสองฝ่าย โดยที่ผ่านมาการทำงานร่วมกับโกทรในฐานะนายก อบจ.ปราจีนบุรี มีเพียงเรื่องการเสนอขออนุมัติงบประมาณสำหรับทำโครงการในพื้นที่เท่านั้น จากกระแสข่าวการลงสมัครนายก อบจ.ของโกทร นั้น ตนทราบข่าวว่าโกทร อาจจะลงสมัคร แต่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ และตามหลักการสมัครที่ผ่านมา หากมีการลงสมัครและได้รับเบอร์ประจำตัวผู้สมัครแล้ว เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้สมัครจะมาหาเสียงและแนะนำตัวตามขั้นตอน ตนก็จะพิจารณาจากความรู้ความสามารถของผู้สมัคร ไม่ได้เจาะจงว่าจะสนับสนุนใครเป็นพิเศษ ซึ่งตนดำรงตำแหน่งกำนัน มาเพียง 5 เดือน และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรืออยู่ในสังกัดของบ้านใหญ่หรือ สจ.โต้ง รวมถึงการทำงานในพื้นที่ก็เป็นอิสระ ไม่ได้สังกัดกลุ่มการเมืองใด
ส่วนจุดที่ 3 เป็นบ้านของนายสมเกียรติ คำดำ ตั้งอยู่เลขที่ 102 หมู่ 5 ต.หนองแสง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี จากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด จุดที่ 4 บ้านพักของนายทวีศักดิ์ คำดำ ในพื้นที่หมู่ 2 ต.หนองแสง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเปิดเป็นเต็นท์รถ จากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด และจุดที่ 5 บ้านพักนายอำพล อ้นจันทร์ เลขที่ 10/2 หมู่ 7 ต.บางพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบปืนลูกซอง (ใบอนุญาต ป.4 ในชื่อนายเติม อ้นจันทร์) เบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 รวม 19 นัด ปืนลูกกรด (ใบอนุญาต ป.4 ชื่อ จ.ส.ต.อำพล อ้นจันทร์) ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนขนาด .22 รวม 7 นัด
พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวว่า การตรวจค้นเป้าหมายผู้มีอิทธิพลและผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลทั้งหลายในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ทางตำรวจจะวางแผนและตรวจค้นลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะสลายกลุ่มแก๊งผู้มีอิทธิพลให้หมดสิ้นไป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่
ด้าน พ.ต.อ.วราวุธ กล่าวว่า ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยจุดที่ตรวจค้นเป็นเครือข่ายที่มีความสัมพันธ์กับโกทร และ สจ.โต้ง เนื่องจากเดิมทีอยู่กลุ่มเดียวกันทั้งหมด แล้วแตกคอกัน บุคคลที่ถูกตรวจค้นที่พัก ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับโกทร เป็นหลัก เพื่อป้องกันปราบปราม ไม่ให้คิดก่อเหตุหรือใช้อิทธิพลสร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้าน และจะกวาดล้างเช่นนี้ต่อไป ส่วนอาวุธปืนและกระสุนปืนต่างๆ จะมีการตรวจสอบทั้งหมด
“เหตุที่ต้องมีการตรวจค้นเพราะเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มการเมือง เป็นเรื่องของการแสวงหาพยานหลักฐานต่างๆ ในส่วนของการฮั้วประมูล และกลุ่มผู้ที่อยู่ในการเลือกตั้ง เราใช้เป็นฐานข้อมูล ก็จะทำการสืบสวนต่อไป เรามีฐานข้อมูลเดิมอยู่แล้ว เป้าหมายที่ลงพื้นที่นายก อบต.เป็นเครือข่ายที่ทำธุรกิจเกื้อหนุนกันอยู่ โดยเฉพาะเวลาที่จะลงสมัครเลือกตั้งจะต้องไปขออนุญาต ถ้าไม่บอกหรือไม่ขออนุญาตก็จะไม่ได้รับการสนับสนุน ถ้าเรากวาดล้างบ่อยๆ ก็จะลดอำนาจอิทธิพลลงได้ เพราะโกทร เขามีฐานเสียงที่ครอบคลุมเกือบทั้งจังหวัด” พ.ต.อ.วราวุธ กล่าว
รอง ผบก.สส.ภ.2 กล่าวอีกว่า เรื่องคดี สจ.โต้ง เรามีฐานข้อมูลอยู่แล้ว ขณะนี้ได้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลอยู่ หากมีการกระทำผิดหรือบางคนมีหมายจับอยู่ แล้วหลบหนี ก็ต้องติดตาม มีคดีเก่าๆ ที่บางคนมีหมายจับ ปัจจุบันแทบจะไม่มีความเคลื่อนไหว เรากังวลเรื่องมือปืนรุ่นใหม่ที่ยังไม่มีฐานข้อมูล ต้องอยู่ที่การข่าว การปิดล้อมตรวจค้นแบบนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี