ปภ.สรุปสถานการณ์ 6 จว.ยังท่วมนครศรีฯดับมากสุด 5 ศพนายกฯควงสามีลงใต้ นั่งหัวโต๊ะถก 5 ผวจ.ที่นครฯ ย้ำชีวิตปชช.สำคัญที่สุด โวรบ.ลงพื้นที่เร็วแก้ปัญหา-จ่ายเยียวยาไว ชี้ไม่เกิน20 ธันวาคมน้ำแห้ง กำชับกู้ระบบน้ำ-ไฟฟ้าให้กลับมาใช้ได้พร้อมรับคนกลับบ้าน ด้าน“อนุทิน”ยันนายกฯพร้อมสนับสนุนภารกิจกู้ภัยน้ำท่วมใต้ ย้ำเงินเยียวยาต้องเท่าเทียมทุกพื้นที่ ได้หลังละ 9 พันเท่าภาคเหนือ
เมื่อวันที่ 17ธันวาคม นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผย ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน-17 ธันวาคมว่า เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 11 จังหวัดได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาสรวม 114 อำเภอ 766 ตำบล 5,657 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 762,163 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 37 ราย
6จว.ยังท่วม-นครฯตายมากสุด8คน
ปัจจุบันยังมีสถานการณ์อุทกภัยใน 6 จังหวัด รวม 54 อำเภอ 339 ตำบล 2,676 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 161,605 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 8 ราย ได้แก่ 1.จังหวัดชุมพร เกิดน้ำท่วม 8อำเภอ ได้แก่ อ.ปะทิว อ.เมืองฯ อ.สวี อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน อ.ละแม พะโต๊ะและท่าแซะ รวม 62ตำบล540 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,277 ครัวเรือน ปัจจุบันคลองหลังสวนระดับน้ำลดลง 2.จังหวัดระนอง เกิดน้ำท่วม 3 อำเภอ ได้แก่ อ.กระบุรี อ.ละอุ่น และอ.เมืองฯ รวม 12 ตำบล 42 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,070 ครัวเรือน ปัจจุบันคลองญวนระดับน้ำลดลง 3.จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดน้ำท่วม 15 อำเภอ ได้แก่ อ.ท่าชนะ อ.ไชยา อ.ท่าฉาง อ.เมืองฯ อ.กาญจนดิษฐ์ อ.ดอนสัก อ.บ้านนาสาร อ.เกาะพงัน อ.เกาะสมุย อ.วิภาวดี อ.เคียงซา อ.เวียงสระ อ.บ้านนาเดิม อ.พุนพิน และคีรีรัฐนิคม รวม 91 ตำบล 667 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 19,992 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ปัจจุบันแม่น้ำตาปีมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น
4.จังหวัดนครศรีธรรมราชเกิดน้ำท่วม 21 อำเภอ ได้แก่ อ.ขนอม อ.สิชล อ.นบพิตำ อ.ท่าศาลา อ.พิปูน อ.พรหมคีรี อ.ฉวาง อ.เมืองฯ อ.ลานสกา อ.ช้างกลาง อ.พระพรหม อ.ปากพนัง อ.นาบอน อ.ร่อนพิบูลย์ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ทุ่งสง อ.เชียรใหญ่ อ.จุฬาภรณ์ อ.หัวไทร อ.บางขัน และอ.ชะอวด รวม 143 ตำบล 1,223 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 115,722 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ปัจจุบันคลองท่าดีระดับน้ำลดลง 5.จังหวัดตรัง เกิดน้ำท่วม 1 อำเภอ ได้แก่ อ.รัษฎา รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 22 ครัวเรือน ปัจจุบันแม่น้ำตรังมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น 6.จังหวัดพัทลุงเกิดน้ำท่วม 6 อำเภอ ได้แก่ อ.ควนขนุน อ.เมืองฯ อ.ศรีนครินทร์ อ.เขาชัยสน อ.กงหรา และอ.ป่าพะยอม รวม 29 ตำบล 201 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,522 ครัวเรือน ปัจจุบันคลองนาท่อมระดับน้ำลดลง
นายกฯควงสามีตรวจน้ำท่วมใต้
เวลา 12.00 น.วันเดียวกัน ที่ฝูงเครื่องบิน กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้าย กองทัพบก ดอนเมือง กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรสนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม โดยมีคณะของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปสมทบกับคณะของนายกฯที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
เมื่อนายกฯ เดินทางถึงอากาศยานนานาชาตินครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ได้ เดินทางต่อไปยังศาลาว่ากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัย และสั่งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ (นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร และพัทลุง) ที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัย และมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในจ.นครศรีธรรมราช ที่บริเวณซอยพัฒนาการคูขวาง 10 (ถนนท่าโพธิ์) อำเภอเมือง ก่อนจะเดินทางต่อไปมอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบภัย ในจ.สุราษฎร์ธานี ที่ว่าการอําเภอท่าฉาง อำเภอท่าฉาง ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯช่วงค่ำวันเดียวกัน
นายกฯถกผวจ.ฯ5จว.ใต้
ต่อมาเวลา 13.25 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรสนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาตินครศรีธรรมราช ต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสมชาย ลีหล้าน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะรักษาราชการแทนผู้ว่า จังหวัดนครศรีธรรมมราช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร้องให้การต้อนรับ และออกเดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน กอ 5817 นครศรีธรรมราช ไปยังศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและสั่งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาคใต้ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีผู้ว่าสุราษฎร์ธานี ผู้ว่าฯชุมพร พัทลุง ผู้ว่าฯนราธิวาส เข้าร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ เนื่องจากต้องอยู่ดูแลพื้นที่ ซึ่งการประชุมวันนี้ นายกฯเรียกประชุมเป็นวาระเร่งด่วน เพื่อให้เกิดความเข้าใจในสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ทั้งหมด
ไม่เกิน20ธค.น้ำแห้ง-โวรบ.ช่วยไว
นายกฯกล่าวว่า ดีใจมากที่มีโอกาสได้มาที่จ.นครศรีธรรมราช ทราบว่าผู้ว่าฯทุกจังหวัดต้องอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูแลพื้นที่ให้ดี ที่ผ่านมารัฐบาลติดตามสถานการณ์น้ำท่วมใกล้ชิดและได้รับรายงานโดยตรงจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ถือว่าเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ทุกคนสามารถจัดการได้รวดเร็วมากๆ รัฐบาลได้ลงพื้นที่ทันที ตอนที่เกิดน้ำท่วมช่วงแรกถือเป็นความช่วยเหลือที่เข้าถึงประชาชนได้รวดเร็ว และได้รับรายงานอีกประมาณไม่เกินวันที่ 20 ธันวาคม น้ำน่าจะแห้งทั้งหมด เพราะวันนี้มีฝนตกแค่ช่วงเช้า ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่าปัจจัย 4 ในการช่วยเหลือประชาชนเพียงพอ และสิ่งสำคัญตั้งแต่ตอนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมทางภาคเหนือและภาคอีสาน รัฐบาลให้ความสำคัญกับชีวิตของประชาชนเป็นสิ่งแรก ที่เราต้องรักษาดูแลเรื่องนี้ให้ดี
ชมผู้ว่าฯเยียวยาถึงมือปชช.แล้ว80%
นายกฯกล่าวอีกว่า ปัจจัย 4 อาหาร ยารักษา รองนายกฯจัดการทั้งหมดและทุกกระทรวงส่งความช่วยเหลือเข้ามา ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนและทุกหน่วยงานที่ลงดูแลประชาชนเต็มที่ ที่ผ่านมามอบให้กระทรวงมหาดไทย ปภ. บริหารจัดการสถานการณ์ระดมความช่วยเหลือ เร่งแก้ไขสถานการณ์ให้กลับเป็นปกติ นอกจากนี้ เครื่องมือที่มีไม่เพียงพอ กระทรวงมหาดไทยประสานหน่วยงานที่ช่วยกันเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งขณะนี้ เหตุการณ์ใกล้จะผ่านไปแล้วและการเยียวยาถึงมือประชาชนแล้วกว่า 80% ถือว่าเร็วและดีมากๆกว่าตอนที่เราอนุมัติงบเยียวยาในภาคเหนือ ที่ขณะนี้เยียวยาไปได้แล้ว 99% เหลืออีก 1% ที่ยังต้องยืนยันตัวตน
“เข้าใจประชาชนเวลาที่ต้องรอมันยาวนาน รัฐบาลจึงเร่ง และนี่เป็นสิ่งที่อย่างน้อยรัฐบาลช่วยสนับสนุน เพราะเมื่อเกิดสถานการณ์แล้วได้อนุมัติงบลงไปก็เกิดความอุ่นใจและไม่ต้องไปรอลุ้นว่าเมื่อได้รับผลกระทบแล้วจะได้รับเงินเยียวยาเท่าไหร่ แต่ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณ ครม. และทุกภาคส่วน เวลาเกิดน้ำท่วมไม่ว่าที่ไหน เมื่อเราระดมความช่วยเหลือจะลดทอนสถานการณ์ได้เร็ว และได้เห็นน้ำใจของคนไทยยามยาก”นายกฯกล่าว
สั่งกู้ระบบน้ำ-ไฟพร้อมใช้
และย้ำว่า ชีวิตประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดไม่ว่าเป็นเรื่องของอาหารยา สถานที่พักพิง หรือศูนย์พักพิงขอให้ดูแลประชาชนเต็มที่ ให้รู้สึกสบายกายสบายใจ เพราะการที่เขาย้ายออกมาจากบ้านตัวเอง ก็ลำบากอยู่แล้ว ขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด เมื่อเหตุการณ์บรรเทาจะได้กลับบ้าน และมีแรงซ่อมแซมบ้าน หากติดขัดรองนายกฯอยู่หน้างานสามารถประสานกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ได้ขาดเหลืออะไร ขอให้บอกมา
นายกฯกล่าวย้ำด้วยว่า พื้นที่เสี่ยงภัย การแจ้งเตือนภัยขอให้ชัดเจนทั่วถึง โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทั้งจ.สุราษฎร์ธานี สงขลา ตรัง สตูลและยะลา อย่างที่คาดการณ์ไว้วันที่ 20 ธันวาคม สถานการณ์จะดีขึ้น ขอให้ระดมความช่วยเหลือทั้งน้ำและไฟ ให้กลับเร็วที่สุด อะไรที่ทำล่วงหน้าได้ให้ทำเผื่อไว้ เมื่อน้ำไปแล้วทุกอย่างจะได้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว ขอให้วิกฤตนี้ผ่านไปเร็วที่สุด
เยียวยาท่วมใต้9พัน/ครัวเท่าเหนือ
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยกล่าวว่า วันนี้ตนจะลงพื้นที่ แต่ในส่วนกระทรวงมหาดไทย อธิบดี ปภ.เข้าไปอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมาแล้ว ส่วนเงินเยียวยาผู้ประสบภัยจะให้ 9,000 บาท เหมือนจ.เชียงใหม่ ใช่หรือไม่นั้น หลักเกณฑ์ต้องเท่าเทียมกันหมด คนที่ได้แล้วก็จะไม่ได้รับอีก ส่วนกรณีบ้านเสียหายทั้งหลังต้องดูเป็นรายกรณีไป ถ้าบ้านเรือนเสียหายจากดินโคลนถล่มหรือน้ำพัดพังไปบ้านทั้งหลัง ก็จะมีเป็นระเบียบในส่วนสำนักนายกรัฐมนตรีอีกระเบียบหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเบื้องต้นมีการคำนวณตัวเลขความเสียหายหรือไม่ จะให้เงินเยียวยาเท่าไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตามสำรวจ เราไม่ได้สุ่ม เราให้ตามจริง เพราะสำรวจตั้งแต่ระดับตำบล ระดับอำเภอ และได้มีคณะกรรมการมาตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ได้สุ่ม ให้ได้หมดหรือเรียกได้ว่าไม่ได้เหมาทั้งอำเภอ ไม่ได้เป็นการปูพรม เพราะจำนวนเงินเยอะเราต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
ฝนหยุดตกแต่บางจุดน้ำท่วม1ม.
ด้านสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช ฝนหยุดตกแล้ว ทำให้น้ำในหลายจุด ทั้งในตัวเมืองและพื้นที่รอบนอกทั้ง 22 อำเภอทยอยลดระดับลง จนบางจุดเข้าสู่ภาวะปกติ แต่บางจุดน้ำยังคงท่วมขัง เช่น ถนนพัฒนาการคูขวาง ย่านเศรษฐกิจของเมืองนครศรีธรรมราช น้ำท่วมเต็มพื้นที่เป็นระยะทาง 6 กิโลเมตร แต่ระดับน้ำลดลงมากกว่า 50 เซนติเมตร ส่วนในพื้นที่ตรอกซอกซอย ซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำ และเป็นจุดน้ำท่วมซ้ำซาก ระดับน้ำแม้จะลดลงแต่ยังสูงประมาณ 1 เมตร ชาวบ้านส่วนหนึ่งต้องพายเรือออกมาจับจ่ายซื้อสินค้า ร้านค้าสองข้างทางยังต้องปิดให้บริการเป็นวันที่สอง ซึ่งเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เร่งเปิดเครื่องสูบน้ำแบบเต็มกำลัง เพื่อระบายน้ำที่ขังอยู่ให้ออกโดยเร็วที่สุด หากไม่มีฝนตกลงมาเติมคาดว่าน้ำจะระบายออกได้หมดไม่เกินวันพรุ่งนี้ (18 ธันวาคม)
ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลาย
ส่วนบนถนนราชดำเนินตลอดเส้น ซึ่งน้ำท่วมเต็มพื้นที่สูงประมาณ 1 เมตร โดยเฉพาะหน้าโรงพยาบาลมหาราช เช้าวันนี้น้ำลดทั้งหมดแล้ว ร้านค้าที่อยู่ริมสองฝั่งข้างทางถนนราชดำเนิน เริ่มทำความสะอาดบ้านเรือนและกลับมาเปิดให้บริการ ส่วนพื้นที่รอบนอกตัวเมือง เส้นต.โพธิ์เสด็จ ตลาดหัวอิฐ ตลาดกลางเกษตร ที่มีน้ำท่วมสูง รวมถึงเส้นทางมุ่งหน้าสนามบินนครฯ ภาพรวมคลี่คลายลงแล้วเกือบหมด แต่ยังมีน้ำขังอยู่บนถนนเป็นช่วงๆ รถสัญจรไปมาได้ เช่นเดียวกับถนนสายหลักๆ ที่ถูกตัดขาด ทั้งในส่วนของอ.พระพรหม อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ท่าศาลา อ.สิชล ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครศรีธรรมราช แจ้งว่าคลี่คลายเกือบหมดแล้ว
รพ.ท่าศาลาบิ๊กคลีนนิ่งเปิด18ธค.
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิง พร้อมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลท่าศาลา อ.ท่าศาลา เร่งทำความสะดวกจุดให้บริการ หลังน้ำป่าจากเทือกเขาหลวง กับปริมาณน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ไหลเข้าท่วมเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ก่อนที่จะลดระดับเมื่อช่วงเช่าวันนี้ (18 ธันวาคม)
นพ.ฉัตรชัย พิริยประกอบ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าศาลาเผยว่า โรงพยาบาลท่าศาลามักถูกน้ำท่วมเฉลี่ย 4 ปีครั้ง จึงยกระดับตัวอาคาร ให้สูงกว่าระดับน้ำ ทำให้ไม่ส่งผลกระทบกับผู้ป่วยใน และเครื่องมือทางการแพทย์สำคัญ มีเพียงแผนบริการและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เสียหายจำนวนมาก คาดว่าเจ้าหน้าที่จะเร่งทำความสะอาด และกลับมาให้บริการภายในเย็นวันนี้ หรือไม่เกินเช้าวันที่ 18 ธันวาคม อย่างน้อย 90% อย่างไรก็ตาม ทางรพ.ยังประกาศแจ้งว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่มีแนวโน้มดีขึ้นบางส่วน จึงกลับมาเปิดให้บริการตามปกติในบางแผนก ได้แก่ 1.แผนกผู้ป่วยนอก, 2.แผนกผู้ป่วยใน 3.แผนกผู้ป่วยฉุกเฉิน ขณะที่ แผนกที่ยังไม่เปิดให้บริการได้แก่ 1.แผนกแพทย์แผนไทย2.แผนกจิตเวช3.แผนกทันตกรรม4.หน่วยบริการปฐมภูมิ5.บริการตรวจสุขภาพ 6.ฟิตเนสเซ็นเตอร์
กรุงชิงเสียหายหนักน้ำป่าถล่ม
ส่วนที่ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ชาวบ้านเปียน หมู่ 4 ต.กรุงชิง ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าเทือกเขากรุงชิงและดินโคลนไหลเข้าท่วมบ้านเรือนเสียหายมากถึง 300 หลังจากทั้งหมด 400 หลัง บางหลังถูกน้ำท่วมสูงถึงหลังคาบ้าน โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต หลังน้ำลดแล้วเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยทำความสะอาด เร่งนำทรัพย์สินที่ถูกดินโคลนทับถมออกจากบ้าน เพื่อทำความสะอาด สอบถามชาวบ้านทราบว่า เคยประสบปัญหาภัยพับัติดินโคลนถล่มมาแล้วหลายครั้ง ทั้งในปี 2531 และปี 2554 แต่เหตุดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลากครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุด
ด้านนายสุวิทย์ สินตุ้น เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.กรุงชิง กล่าวว่า ปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสมต่อเนื่องกว่า 450 มิลลิเมตร รวม 12 ชั่วโมง ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ก่อนหน้านี้เตรียมการฝึกซ่อมด้วยการย้ายกลุ่มเปราะบางไปศูนย์อพยพ จึงทำให้ไม่เกิดการสูญเสีย อย่างไรก็ตาม ต.กรุงชิง มีผู้ประสบภัยพิบัติเดือดร้อนครอบคลุมทุกหมู่บ้าน โดยเฉพาะหมู่ 7 หมู่ 8 และหมู่ 9 ขณะที่การช่วยเหลือต้องเปลี่ยนไปใช้เส้นทางในจ.สุราษฎร์ธานี
สุราษฎร์ฯ2หมื่นครัวเดือดร้อน
สำหรับภาพรวมอุทกภัยระหว่างวันที่ 14-16 ธันวาคม เกิดฝนตกหนักในจ.สุราษฎร์ธานี ส่งผลให้ระดับน้ำในลำคลอง ล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ถนน และบ้านเรือนประชาชน 15 อำเภอดังนี้ อ.เมืองสุราษฎร์ธาร์ธานี อ.กาญจนดิษธ์ อ.ดอนสัก อ.ท่าชนะ อ.ท่าฉาง อ.เกาะสมย อ.เกาะพะงัน อ.บ้านนาสาร อ.ไชยา อ.วิภาวดี อ.เคียนซา อ.เวียงสระ อ.บ้านนาเดิม อ.พุนพิน อ.คีรีรัฐนิคม รวม 91 ตำบล 667 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบ จำนวน 19,992 ครัวเรือน 45,648 คน มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 2 ราย มีผู้เสียชีวิต จำนวน 4 ราย และสูญหาย 1 ราย สถานการณ์ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขัง ในพื้นที่บางจุดใน อ.เวียงสระ อ.บ้านนาสาร อ.พุนพิน อ.ดอนสัก และยังมีพื้นที่น้ำท่วมเป็นวงกว้าง ใน อ.กาญจนดิษฐ์ อ.ท่าชนะ อ.ไชยา อ.ท่าฉาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี