ตำรวจ สภ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ บุกช่วยหนุ่มตาบอดพาเมียหนีแก๊งทวงหนี้ซุกป่ามัน หลังพี่สาวขอร้องให้ช่วยใช้ชื่อกู้เงินนอกระบบ แต่หาจ่ายไม่ทัน จึงถูกข่มขู่ต้องมารับภาระแทนพี่สาว เผยดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 20 ต่อวัน
18 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายสมชาย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ชาวอำเภอหนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งพิการตาบอด ว่า ถูกแก๊งทวงหนี้ตามทวงเงินข่มขู่จนไม่สามารถอยู่บ้านได้ ต้องพานางจิราพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ภรรยาหนีข้ามอำเภอไปอยู่บ้านญาติที่ อ.โนนสุวรรณ บางวันต้องแอบซ่อนตัวในป่าเพราะกลัวจะถูกแก๊งทวงหนี้ทำร้าย หลังจากพี่สาวซึ่งมีอาชีพค้าขายขอใช้นายสมชาย และภรรยา ใช้ชื่อกู้เงินนอกระบบให้ แต่พี่สาวหาเงินจ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อวันไม่ไหว จึงหนีหายไปปล่อยให้นายสมชาย ซึ่งพิการตาบอดและภรรยา ต้องรับภาระจ่ายแทนเฉลี่ยวันละ 2,600 บาท ทั้งคู่หาจ่ายไม่ไหวเหมือนกันจึงจำเป็นต้องหนีและตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือผ่านสื่อโดยล่าสุดบอกว่าซ่อนตัวอยู่ในป่ามันในพื้นที่ ต.โนนสุวรรณ อ.โนนสุวรรณ ไม่กล้ากลับบ้าน
หลังได้รับแจ้งทีมข่าวจึงได้ประสานไปยัง สภ.โนนสุวรรณ จากนั้น พ.ต.อ.คณัสนันท์ สุวรรณทรัพย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ จึงได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.กิตติทัศน์ วงษ์ถาวร สารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.โนนสุวรรณ พร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และความช่วยเหลือ เมื่อไปถึงบริเวณป่ามันติดกับสวนยางพาราในพื้นที่ ต.สุวรรณ ตามที่ได้รับแจ้งก็พบนายสมชาย ซึ่งพิการตาบอด และนางจิราพร ภรรยา นั่งหลบอยู่ในป่าด้วยอาการตื่นกลัว
จากการสอบถามนายสมชาย บอกว่า ตาซ้ายบอดสนิทมาแต่กำเนิด สวนข้างขวามองเห็นลางๆ แต่มีความสามารถในการซ่อมเครื่องเสียง เมื่อมาแต่งงานอยู่กินกับภรรยา จึงเปิดร้านขายเครื่องเสียง รับซ่อม และรับงานเกี่ยวกับเครื่องเสียงที่ อ.หนองกี่ ส่วนพี่สาวมีอาชีพค้าขาย แต่พี่สาวร่างกายปกติไม่ได้พิการ จู่ๆ เมื่อช่วงประมาณเดือน ต.ค.67 ที่ผ่านมา พี่สาวมาขอร้องให้ตนและภรรยา ใช้ชื่อกู้เงินนอกระบบให้ เพราะเดือดร้อนหมุนเงินไม่ทัน ประกอบกับก่อนหน้านี้พี่สาวใช้ชื่อตัวเองกู้เงินนอกระบบไปหลายเจ้าแล้ว เขาจึงไม่ปล่อยให้อีก พี่สาวจึงขอร้องให้ตนกับภรรยา ช่วยใช้ชื่อกู้ให้เพราะมีหน้าร้านชัดเจน
ด้วยความสงสารและเห็นว่าเป็นพี่สาวคงไม่ทำให้เดือดร้อน ตนกับภรรยาจึงยอมใช้ชื่อกู้เงินนอกระบบให้ ตอนแรกกู้ 10,000 บาท กำหนดจ่ายวันละ 500 บาท 24 วัน รวมเป็น 12,000 บาท ซึ่งพี่สาวเป็นคนรับผิดชอบจ่ายเอง ต่อมาเดือนเดียวกันพี่สาวบอกว่าเงินไม่พอขอให้ช่วยกู้จากเจ้าอื่นเพิ่มอีก 10,000 บาท จึงใช้ชื่อภรรยากู้ให้ เขาก็รับปากจะรับผิดชอบเอง จากนั้นพี่สาวก็ใช้ชื่อของตนเองและภรรยา ไปกู้เงินนอกระบบกับเจ้าอื่นๆ อีก รวมเป็น 6 เจ้า เงินต้นประมาณ 60,000 บาท ต้องจ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ยวันละ 2,600 บาท
ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร กระทั่งวันที่ 16 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา พี่สาวบอกว่าจะไปทำงานแล้วก็หายไปติดต่อไม่ได้ แก๊งทวงหนี้จึงมาตามทวงกับตนเองและภรรยาที่ร้านเครื่องเสียงที่ อ.หนองกี่ ก็จำเป็นต้องจ่ายให้เขาไปทั้ง 6 เจ้า รวม 2,600 บาท พอวันที่ 17 ธ.ค. มาตามทวงอีก ตนก็บอกว่าไม่มีให้ เขาก็ขู่ว่า “อย่ามีปัญหามาก” จึงไปร้องเพลงเปิดหมวกที่ตลาดเพื่อหาเงินมาให้เขา กระทั่งคุยกับภรรยาว่าถ้าจ่ายให้จ่ายแทนวันละ 2,600 บาท จนครบ 24 วัน คงไม่ไหวเพราะแก๊งทวงหนี้เขาก็รู้ว่าพิการตาบอด และก็พยายามอธิบายว่าเงินที่กู้ไปเป็นของพี่สาว แค่ใช้ชื่อกู้ให้แต่เขาก็ไม่สนใจ
"เขายืนกรานว่ากู้ไปก็ต้องจ่ายไม่มีข้ออ้าง ด้วยความกลัวจึงตัดสินใจหนีไปบ้านญาติ ต่างอำเภอและไปซ่อนตัวอยู่ตามป่ามัน สวนยางบ้างและร้องขอความช่วยเหลือ ไม่ได้คิดจะหนีหากเป็นไปได้ก็อยากให้มีการไกล่เกลี่ยเพราะเงินที่กู้ไปพี่สาวเป็นคนเอาไปใช้แต่ตนต้องมารับภาระแทน"นายสมชาย กล่าว
หลังจากนั้น ตำรวจก็ได้พาสองสามีภรรยา ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.โนนสุวรรณ พร้อมทั้งจะประสานกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี