จับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มูลค่าเกือบ 10 ล้าน ริมชายแดนสระแก้ว เตรียมขายปีใหม่

19 ธันวาคม 2567 พ.อ.เมธี คำเต็ม ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่12หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา (ผบ.ชค.ทพ.12 ฉก.อรัญประเทศ กกล.บูรพา) นำกำลังพล ร้อย ทพ.1201 และ ร้อย ทพ.1207(กองร้อยสนับสนุน) ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว สนธิกำลังร่วมกับ จนท.ด่านศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว จัดชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว ออกลาดตระเวนเข้มป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบนำสินค้าข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย ตามจุดล่อแหลมช่องทางธรรมชาติ ริมชายแดนด้านทิศเหนือตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตามนโยบายป้องกันเข้มพื้นที่ชายแดน ในห้วงเทศกาลปีใหม่ของ แม่ทัพภาคที่1

ต่อมา จนท.ชุดปฏิบัติการร่วมฯได้ตรวจพบกระสอบขนาดใหญ่ จำนวน 30 ใบ วางทับซ้อนกันซุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายโกดังสินค้าแห่งหนึ่ง ด้านทิศเหนือตลาดโรงเกลือ ในพื้นที่ บ้านดงงู ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สอบถามโดยรอบไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ จนท.จึงร่วมกันตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าในแต่ละกระสอบจะมีลังกระดาษขนาดใหญ่ 2ลัง  ตรวจสอบภายในลังกระดาษรวมทั้งหมด60ลัง พบมีรองเท้าผ้าใบ และ ชุดกีฬา ซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งล้วนเป็นสิ้นค้าละเมิดลิขสิทธิ์หรือละเมิดเครื่องหมายทางการค้า ตรวจสอบไม่มีเอกสารการเสียภาษีหรือเอกสารการอนุญาตนำเข้าประเทศไทยแต่อย่างใด และไม่มีผู้ใดมาแสดงตนเป็นเจ้าของ จนท.จึงร่วมกันตรวจยึดมาทำการตรวจสอบที่ กองร้อยทหารพรานที่1201 จต.อ.20 ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

จากการตรวจสอบเบื้องต้นของ จนท.พบมีรองเท้าผ้าใบละเมิดลิขสิทธิ์ แบรนด์ดังต่างประเทศ รวม 3,681 คู่ แยกเป็น ยี่ห้อ ON CLOUD 280 คู่, ยี่ห้อ NIKE1,421 คู่, ยี่ห้อ ADIDAS 880 คู่  , ยี่ห้อ CROCS 1,100 คู่  ชุดกีฬาละเมิดลิขสิทธิ์ รวม 4,673 ชุด ประกอบด้วยยี่ห้อ NIKE 335 ชุด,ยี่ห้อ ADIDAS 4,338 ชุด และเสื้อกีฬาละเมิดลิขสิทธิ์ อีก 1,490 ตัว เป็นยี่ห้อ ADIDAS 1,080ตัว และ ยี่ห้อ NIKE 410 ตัว รวมทั้งหมด 9,844 รายการ รวมมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจเกือบ 10 ล้านบาท จนท.คาดว่าขบวนการค้าสินค้าเถื่อนชาวเขมรจ้างกองทัพมดชาวเขมรลักลอบนำเข้ามาเพื่อเตรียมส่งขายทั่วประเทศในช่วงเทศกาลปีใหม่

จากนั้น จนท.จึงได้มอบสินค้าทั้งหมดส่งให้ จนท.ฝ่ายกฎหมายด่านศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว นำไปดำเนินการตาม พ.ร.บ.ศุลกากร และสืบสวนหาเจ้าของสินค้า มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป