อธ.อัยการคดีพิเศษ รับสำนวนดิไอคอนกว่า 3 แสนแผ่น ตั้งคณะทำงานพิจารณาทันที ลั่นสั่งคดีตามกรอบเวลาฝากขัง ยันไม่หนักใจแม้เป็นคดีใหญ่ เคยผ่านมามากแล้ว ส่วนทนายบอสพอล ยื่นขอความเป็นธรรม อสส. ไม่ได้ประวิงคดี จ่อยื่นประกันใหม่ หลังอัยการยื่นฟ้อง
เวลา 14.00 น.วันที่ 23 ธันวาคม 67ที่สำนักอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ นำโดย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจน์นิรันดร์กิจ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมด้วย พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ประธานบริษัท ดิ ไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก รวม18ราย และบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวม 19 ราย กลุ่มผู้ต้องหากระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน การกู้ยืมเงินอันเป็นฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ
โดยวันนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้นำพยานเอกสาร จำนวน348,209 แผ่น ถ้อยคำพยานบุคคล 8,071 ปาก มีผู้เสียหายจำนวน 7,875 ราย มูลค่าความเสียหาย จำนวน 1,644 ล้านบาท มาส่งมอบให้ นางเยาวลักษณ์ นนทแก้ว อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ พร้อมคณะประกอบด้วย นายสรกฤช งามวงษ์วาน อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 และนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด พ.ต.ท.ปัณณฑัต บุญอินทร์อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมรับสำนวนคดี
นางเยาวลักษณ์ กล่าวว่า ภายหลังรับสำนวนคดีนี้ ก็จะพิจารณาตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาสำนวน ในเบื้องต้นคาดว่าจะใช้พนักงานอัยการในสำนักงานคดีพิเศษประมาณ 5-6 คน โดยจะมอบหมายให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน ส่วนกรอบระยะเวลาการพิจารณา ซึ่งขณะนี้เหลือระยะเวลาฝากขังอีก 1 ฝากเศษๆไม่เกิน 20 วัน ก็เร่งพิจารณาสั่งคดีให้ทันกำหนดฝากขังทั้งหมด 7 ครั้ง 84วันโดยช่วงวันหยุดปีใหม่ ทางคณะทำงานก็จะเร่งพิจารณาโดยไม่หยุดเพื่อให้ทันเวลา ในส่วนที่หากทางทนายผู้ต้องหายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม เพื่อขอให้สอบพยานเพิ่มจนอาจจะสั่งคดีได้ไม่ทันนั้น เรื่องนี้ไม่กังวลเพราะทางอัยการกำหนดกรอบและประเด็นไว้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องสอบพยานทุกปากตามที่ทนายความฝ่ายผู้ต้องหาร้องขอมา ส่วนพยานที่อาจจะไม่ได้สอบนั้นทางผู้ต้องหาสามารถนำไปสู้คดีในชั้นศาลได้
ส่วนคำถามว่าคดีนี้มีคนดังเเละมูลค่าความเสียหายสูงถือเป็นคดีใหญ่จะหนักใจหรือไม่นั้น เนื่องจากสำนักงานอัยการคดีพิเศษของเราเป็นสำนักงานคดีสำคัญเป็นคดีใหญ่ที่มีมูลค่าความเสียหายสูงอยู่เเล้ว ตนไม่ได้รู้สึกหนักใจ เรื่องนี้ทางอัยการจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายอย่างแน่นอน
ด้านนายนาเคนทร์ กล่าวเสริมว่า อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษจะนัดฟังคำสั่งภายในวันที่ 8 มกราคม 2568 อีกครั้ง โดยขอให้มั่นใจว่าอัยการสำนักงานคดีพิเศษจะเร่งทำสำนวนคดีนี้รอบคอบเเละทันกรอบเวลา
ด้านนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล และผู้ต้องหาคดี ดิไอคอน กรุ๊ป เปิดเผยหลัง ดีเอสไอ ส่งสำนวนคดีของให้อัยการคดีพิเศษพิจารณาเพื่อมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ ซึ่งนายวิฑูรย์ ยอมรับว่าคดีนี้ยังไม่พร้อมที่จะต่อสู้คดีให้กับลูกความแต่ละคน เนื่องจากยังไม่ได้รับความเป็นธรรมในการได้ข้อมูลทางคดีมาให้ลูกความพิจารณาในการต่อสู้คดี จึงได้รวมตัวกับทนายความของผู้ต้องหาทุกคนร่างคำร้องขอความเป็นธรรมกับสำนักงานอัยการสูงสุดใน 4 ประเด็นคือ เรื่องการสอบปากคำพยานของฝ่าย ดิไอคอน ซึ่งขณะนี้ดีเอสไอได้สอบปากคำพยานฝ่ายของตนไปเพียง 30 ปากจากจำนวนมากกว่า 2,400ปาก
ซึ่งในประเด็นนี้ก็ยังถือว่าไม่ติดใจมากนัก อีกส่วนหนึ่งคือประเด็นการสอบปากคำโรงงานผลิตภัณฑ์ของ ดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งกรมสอบคดีพิเศษก็มีการสอบให้ตามคำขอ แต่ประเด็นสำคัญคือเรื่องรายงานพฤติการณ์ของผู้เสียหาย 9,000 กว่าราย ให้สรุปพฤติการณ์มาให้โดยละเอียด รวมถึงรายชื่อของพยานและผู้เสียหายในคดีดังกล่าว ว่ามีบุคคลใดบ้างและมีมูลค่าความเสียหายและรูปแบบพฤติการณ์ของลูกความตนเองอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้ทำคำให้การได้ถูกต้องแต่ปรากฏว่าไม่ได้ตามที่ขอไป
ทนายวิฑูรย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้ทำเรื่องขอไปทาง ดี เอสไอ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ ดีเอสไอ ก็ปฏิเสธที่จะไม่ให้ข้อมูลดังกล่าว ซึ่งตนเองได้ทราบข้อมูลว่าพนักงานสอบสวนคดีดิไอคอนกรุ๊ป ให้สัมภาษณ์ในรายการดังว่าขณะนี้ได้มีการสอบปากคำโรงงานไปเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว และมีรายชื่อของผู้แจ้งความทั้งหมด ซึ่งมองว่าเรื่องนี้ก็ต้องทำอยู่แล้ว และต้องให้หลักฐานดังกล่าวแก่ตนเพื่อใช้ในการต่อสู้คดี เพราะเป็นไปตามกฎหมายมาตรา134 เนื่องจากการสอบสวนผู้ต้องหาต้องเป็นธรรม และรวดเร็ว และต้องให้โอกาสในการต่อสู้คดีซึ่งเรื่องนี้ไม่มี ฉะนั้นต้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าการที่ตนร้องขอความเป็นธรรมกับสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นการยื้อคดีเรื่องนี้มองว่าตนเองก็ไม่ได้อยากทำ และถ้า ดีเอสไอ ให้ข้อมูลดังกล่าวก็คงไม่ร้องขอความเป็นธรรมแบบนี้ และเชื่อว่าสำนักงานอัยการสูงสุดจะให้ความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว แต่หากเรื่องไปถึงชั้นศาลตนเองก็คงต้องให้ลูกความไม่รับข้อเท็จจริงของพยานและผู้เสียหายซึ่งอาจทำให้ศาลต้องสอดพยานทุกคนมองว่าจะยิ่งทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่จะเสียเวลาทั้งศาลและทุกคน
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการดำเนินคดีกับแม่ข่ายของดิไอคอนเพิ่มเติม นายวิฑูรย์ มองว่าหากจะทำจริงต้องมีพยานหลักฐานชัดเจน และไม่อยากให้เรื่องนี้เลยเถิด อย่าทำไปตามกระแส และดำเนินการไปความเป็นจริง และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ซึ่งก็จะต่อสู้ไปตามกระบวนการของกฎหมาย และพยานหลักฐานที่มี
สำหรับประเด็นที่มีการแชทข้อความถึงผู้เสียหายลักษณะคล้ายการข่มขู่เรื่องนี้นายวิฑูรย์ ยอมรับว่าตนขอให้ทางดีเอสไอสอบสวนไป ตนใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเหมือนกับที่พนักงานสอบสวนใช้สิทธิ์ ซึ่งกฎหมายให้สิทธิ์ในการแจ้งข้อกล่าวหาแต่หากเป็นการแจ้งความเท็จ ตนก็สามารถใช้สิทธิ์ทางกฎหมายในการดำเนินคดีกลับได้ ไม่ใช่มองว่าเป็นผู้ต้องหา และจะปิดหูปิดตาทำแบบนี้ก็ไม่ถูก ซึ่งตนยืนยันว่าแค่จะตรวจสอบผู้ที่แจ้งความเท็จมาดูเพื่อที่จะพิจารณาดำเนินคดี
“ถ้าหากไม่ได้แจ้งความเท็จ จะไปเดือดร้อนอะไร และผมไปข่มขู่ตรงไหน เอาให้เป็นธรรมตรงไปตรงมาอย่าเอาสะใจ มันไม่ดี”
นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า อัยการสูงสุดจะให้ความเป็นธรรมตามกฎหมาย จะไม่เพิกเฉยในเรื่องพวกนี้ เพราะจะกลายเป็นการสั่งคดีไม่ชอบ ซึ่งถ้าหากไม่เป็นตามที่ตนเองวางไว้ก็จะไปสู้ในชั้นศาล
เมื่อถามว่าจะมีการยื่นประกันตัวอีกหรือไม่ นายวิฑูรย์ กล่าวว่าเบื้องต้นมีคนยื่นประกันตัวไปแล้ว 4 คน ครั้งนี้ก็อาจจะมีการยื่นประกันตัวในวันที่อัยการสั่งฟ้องก็เป็นได้ เบื้องต้นยังไม่ได้คุยเรื่องหลักทรัพย์การประกันตัวจะไปถามกับญาติผู้ต้องหาก่อน ท้ายที่สุดหาก อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง เราก็ต้องพร้อมสู้คดี แต่ในชั้นสอบสวนตอนนี้เรายังมีหลายประเด็นที่ต้องการให้สอบสวนต่อ และยังสอบสวนไม่ครบและยังมีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่ได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี