วันที่ 25 ธันวาคม 2567 จากกรณี สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงการค้าของตุรกีตรวจยึด'ลูกกอริลลา' ที่ถูกลักลอบนำเข้าประเทศ เพื่อส่งต่อไปยังประเทศไทย โดยกระทรวงการค้าของตุรกี แถลงการณ์ว่า  กอริลลาเดินทางมาถึงตุรกีในลังไม้ บนเที่ยวบินจากไนจีเรีย และมีจุดหมายปลายทางสุดท้ายคือกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ติดตามและตรวจค้นในลังไม้ดังกล่าว และพบลูกกอริลลาอยู่ข้างใน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (ใบสั่งใคร! 'ลูกกอริลลา'ใกล้สูญพันธุ์ถูกยึดคาสนามบินอิสตันบูล พบกำลังถูกส่งมาที่กรุงเทพฯ)

ความคืบหน้าล่าสุด นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้ประสานงานกับทางการตุรกีและ​ไนจีเรีย รวมถึง​ CITES เพื่อสืบสวนเส้นทางลักลอบขนส่งลูกกอริลลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรสนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกี ตรวจพบลูกลิงกอริลลาในกรงไม้ ขณะตรวจสอบสินค้าส่งผ่านสนามบิน พร้อมกันนี้​ได้ประสานงานกับตำรวจ บก.​ ปทส. เพื่อสอบสวนว่าประเทศไทยเป็นปลายทางตามข่าว​ที่​ปรากฏ​จริง​หรือไม่​ ทั้ง​ยัง​ต้องสืบสวน​หาว่า​ ใครเป็น​ผู้​สั่งนำเข้า

ล่าสุด​เจ้าหน้าที่​กรม​อุทยาน​ฯ​ และ ​บก.ปทส.​ ขออนุมัติ​หมายศาลเพื่อ​เข้า​ตรวจค้นฟาร์ม​เพาะเลี้ยง​สัตว์​ต่าง​ประเทศ​แห่ง​หนึ่ง​ในจังหวัดนครปฐม ทั้งนี้ ​ประเทศไทยไม่มีการอนุญาตให้นำเข้ากอริลลา เนื่องจากเป็นสัตว์ป่าหายากใกล้​สูญพันธุ์​ในบัญชี 1 ของ​ CITES​ และกฎหมายไทยกำหนดห้ามซื้อขาย ยกเว้นกรณีเพื่อการศึกษาวิจัย​ระหว่าง​สวนสัตว์​ ปัจจุบันมีกอริลลาเพียงตัวเดียว คือ “บัวน้อย” กอริลลาตัวเมียที่อยู่ในสวนสัตว์พาต้ามาเกือบ 30 ปี​ โดยนำเข้ามาก่อนที่จะมีกฎหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า​ พ.ศ. 2535 หลังจากกรมอุทยานฯ​เปิดให้ขึ้นทะเบียนสัตว์ป่าควบคุมพิเศษประเภท ก.ในบัญชี​ CITES​ เจ้าของได้นำมาแจ้งครอบครองแล้ว

นอกจากนี้​ยัง​มอบหมายให้ตรวจสอบ​สวนสัตว์และสถานที่เพาะ​พันธุ์สัตว์​ทุกแห่ง​ที่มีการครอบครองสัตว์ป่าควบคุมชนิด ก. ทั้ง 10 ชนิด​ ขณะนี้มอบหมายให้สแกนทุกสวนสัตว์ที่มีการครอบครองสัตว์ป่าควบคุมชนิด ก. ที่มีจำนวน 10 ชนิดในนั้นมีกอริลลารวมอยู่ด้วย