nn ผู้ว่าฯชัชชาติ บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อถูกตั้งคำถามว่าการทำงานช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมานั้นผลงานอยู่ในระดับใด และมีความภาคภูมิใจมากน้อยแค่ไหน 

nn แน่นอนวลีคำถามดังกล่าวไม่ใช่สิ่งเร้นลับหรือยากเย็นในการอธิบาย ดังนั้นสิ่งที่เปรี้ยงปร้างออกมาอันเป็นไปตามการคาดการณ์ คือ ภูมิใจทุกเรื่องตามแนวนโยบาย 9 ดี 9 ด้าน ที่ตอกย้ำให้สำนักต่างๆ และเขตถือปฏิบัติเคร่งครัด จุดประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนทุกเรื่อง โดยเฉพาะปัญหาที่คนกรุงหวาดผวาช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เห็นจะเป็นประเด็นน้ำท่วมขังตรงนี้ได้ทุ่มเทสรรพกำลังเทคโนโลยีทุกอย่างเข้าบริหารจัดการ เน้นคุณภาพจับต้องไปให้คนกรุงอุ่นใจได้ เช่น การขุดลอกคูคลองปรับเปลี่ยนจุดด้อยจุดอ่อนน้ำท่วมขังที่เกิดมาต่อเนื่องให้เบาบางช่วงฝนหนักแม้จะท่วมขัง แต่จะใช้เวลาระบายออกรวดเร็ว รวมทั้งการเฝ้าระวังเกาะติดปัญหา ตลอดทั้งยกระดับปรับปรุงถนน ตรอกซอยที่เคยตีบตันให้น้ำไหลหรือระบายได้สะดวก ขยะตกค้างลดน้อย จะเห็นได้ชัด 2 ปีเต็มๆ ที่เพิ่งผ่านมาน้ำจะท่วมขังน้อยมาก บางจุดก็ไม่ท่วมเลย แต่ปัญหาดังกล่าวไม่ได้แปลว่าสมบูรณ์หรือไม่ต้องแก้ไขทำอะไรอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมขังสาเหตุหลักสำคัญเกิดจากการทรุดตัวของถนน กอปรกับพื้นที่ กทม. มีสภาพราบลุ่ม แผ่นดินทรุดตัวง่ายและทรุดตัวอยู่ตลอด จึงต้องปรับปรุงแก้ไขทั้งระบบ ยกถนน ปรับรื้อเปลี่ยนท่อระบายน้ำ เร่งรีบอุโมงค์ส่งน้ำใต้ดิน ซึ่งภาพรวมทั้งหมดกำลังดำเนินการอยู่แล้ว ในส่วนจราจรก็เปิดผายหัวถนนทำให้การจราจรคล่องตัวในการเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาสิ่งแวดล้อม มลพิษ ทำกันเต็มกำลังปลูกต้นไม้เพิ่มได้เกินเป้าหมาย ฯลฯ อย่างไรก็ตาม การทำงานทั้งหมดไม่ใช่ผู้ว่าฯกทม. คนเดียวทำได้ เจ้าหน้าที่ข้าราชการทุกฝ่ายต่างร่วมทำงานขับเคลื่อนนโยบายกันตามเป้าหมาย เหนืออื่นใดฝ่ายบริหารทุกคนก็ทำงานเข้มแข็ง

nn ขณะเดียวกัน ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยอมรับว่าหลายมุมหลายส่วนยังมีปัญหาต้องเร่งรีบแก้ไข อาทิ ปัญหาการจราจรที่จะต้องเข้าพูดคุยกับ ผบ.ตร. หรือแม้กระทั่งเรื่องศูนย์ฝึกอบรมของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตรงนี้ต้องเร่งให้ชัดเจน

nn การทำงานทั้งหมดในหลายเรื่องถ้าพูดตามเนื้อผ้าแล้ว ไม่มีอะไรที่เกินความสามารถบริหารจัดการของคนที่ชื่อ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ เลย แต่เรื่องใหญ่มองกันว่าจะทุ่มเทกำลังลักษณะใดแก้ไขเท่าไหร่ ผลสัมภาษณ์สัมฤทธิ์เกิดยาก คือ การจราจร กับสายการสื่อสารมักง่ายทำลายสิ่งแวดล้อมเมืองเพราะ กทม.ไม่มีอำนาจสั่งซ้ายหันขวาหันได้เลย ยิ่งกว่านั้น กทม.จะใช้บุคลากรของ กทม.ลงลุยเองแบบหล่อๆ ก็ไม่ได้ด้วยเนื่องจากติดขัดด้านอำนาจสั่งการ โดยเฉพาะการจราจรที่พูดกันมานานปี กทม. ขอรับโอนและรับผิดชอบเองนั้น วันนี้ยัง “ลูกผีลูกคน” ท่ามกลาง สภา กทม.ที่ควรออกมาขับเคลื่อนได้ทว่ากลับไม่ประสีประสารุกไล่รุกซักถามให้เกิดพลังเลย nn

 

ไผ่ฎำ