สสส.จับมือ'รัฐสภา'เดินหน้าหนุนแคมเปญ “ปีใหม่ 68 ดื่มไม่ขับ... กลับบ้านปลอดภัย” ลดความสูญเสียบนท้องถนน เผยข้อมูลปีใหม่ 67 เกิดเหตุเสียชีวิตจากดื่มแล้วขับกว่า 23.16% เน้นย้ำห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี หนุนบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2567 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร คณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านยานพาหนะเกี่ยวกับการป้องกัน และลดอุบัติเหตุ เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน รัฐสภา ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กทม. และภาคีเครือข่าย จัด กิจกรรม “ปีใหม่ ดื่มไม่ขับ... กลับบ้านปลอดภัย” เนื่องในโอกาสเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยภายในงานมีการ มอบป้ายรณรงค์ ปีใหม่ ดื่มไม่ขับ...กลับบ้านปลอดภัย ให้กับ กทม. และตำรวจทางหลวง การแสดงมินิคอนเสิร์ต จากวง Old Doc
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานคณะกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านยานพาหนะเกี่ยวกับการป้องกัน และลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า ความสูญเสียในช่วงเทศกาลปีใหม่ 3 ปีย้อนหลัง จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่า ปี 2565 มีผู้เสียชีวิต 333 ราย ปี 2566 เสียชีวิต 317 ราย และล่าสุด ปี 2567 เสียชีวิตลดลงเหลือ 284 ราย ในปีใหม่ 2568 จึงเป็นปีที่ท้าทายที่ของการทำงานยิ่งที่จะลดจำนวนผู้สูญเสียลงอีก สาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุ เกิดจาก ขับรถเร็ว 38.90% ดื่มแล้วขับ 23.16% ตัดหน้ากระชั้นชิด 17.96% ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 86.31% และยังมีเด็กและเยาวชน ที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุและการเสียชีวิตจากการดื่มแล้วขับถึง 569 คน และอุบัติเหตุและการเสียชีวิต 55% ของเทศกาลปีใหม่ ในถนนของ อปท.
“รัฐบาลได้มีการกำหนดแนวทางควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยเน้นย้ำมาตรการ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” เพื่อป้องกัน และลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ ให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย รณรงค์ประชาสัมพันธ์ โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านค้า ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเด็ดขาด และห้ามจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกประเภท เช่น โปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม เน้นย้ำให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลาน และคนในครอบครัว ไม่ให้ดื่มแล้วขับขี่ ส่งเสริมบทบาทให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่ด่านชุมชนตั้งด่านคัดกรองสกัดกั้นคนเมา ไม่ให้ขับขี่ยานพาหนะ และมีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มข้น” นายสุรชัย กล่าว
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ข้อมูล 7 วันอันตรายช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ข้อมูลศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) พบว่าดื่มแล้วขับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตถึง 23.16% สสส. ได้ร่วมกับเครือข่ายชุมชน กทม. และอาสาสมัครสาธารณสุข เทศกิจ แกนนำชุมชน ตั้งด่านสกัดเตือนป้องกันอุบัติเหตุ มีเป้าหมายลดจำนวนผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ อีกทั้งประสานความร่วมมือเพื่อหนุนเสริมมาตรการรัฐ และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนกระจายอยู่ทั่วประเทศ เช่น เครือข่าย สอจร. รณรงค์ใน 222 อำเภอเสี่ยงทั่วประเทศ เน้น 3 มาตรการ คือ ดื่มไม่ขับ ไม่ขับเร็ว สวมหมวกนิรภัย หรือการตั้ง "ด่านตรวจเตือน" เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับกว่า 100 ทั่วประเทศ ร่วมกันเรียกร้องให้มีมาตรการตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดจากอุบัติเหตุที่เกิดทุกราย ไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กเยาวชน และร่วมกับตำรวจทางหลวงติดตั้งสื่อรณรงค์ "ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย" ใน 41 จุดทั่วประเทศ
“สสส. และภาคี ได้ผลิตสปอตรณรงค์ชุด “ฝังใจ” ภายใต้แนวคิด “ดื่มแล้วขับอาจเป็นฆาตกร และอาจทำให้กลับไม่ถึงบ้าน” เพื่อกระตุ้นให้คนตระหนักถึงผลกระทบของการดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งทำให้ตอบสนองช้าลง ตัดสินใจเบรกไม่ทัน กะระยะผิดพลาด และสปอตรณรงค์ “เกมโชว์-ให้เหล้าเท่ากับแช่ง” เพื่อเชิญชวนให้ของขวัญปีใหม่ที่ไม่ใช่เหล้าเพื่อสุขภาพที่ดี ชวนสวดมนต์ข้ามปีที่วัดมากกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ สสส. ขอเชิญชวนประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ วางแผนการเดินทางล่วงหน้า เตรียมพร้อม เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เดินทางใช้รถใช้ถนนไปท่องเที่ยวหรือฉลองช่วงปีใหม่นี้ ผู้ขับขี่ยานพาหนะเดินทางไม่ว่าจะใกล้ไกลต้อง ดื่มไม่ขับ ลดใช้ความเร็ว ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง สำคัญคือยึดหลัก ปีใหม่ ดื่มไม่ขับ... กลับบ้านปลอดภัย” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี