ปชช.แห่เดินทาง
กลับบ้านปีใหม่
เส้นเหนือ-อีสาน
จราจรหนาแน่น
ขนส่งหมอชิต 2 เริ่มคึกคัก ประชาชนแห่เดินทางช่วงปีใหม่ รถมุ่งหน้าเหนือ-อีสาน หนาแน่นประเดิมอุบัติเหตุรถบัสคว่ำ ดับ 1เจ็บ 35 ส่วนรถพ่วง 18 ล้อ ชนรถตู้ ทำ 2 ผัวเมียดับสลด สังเวยวันแรกช่วง 10 วันอันตราย ด้าน ‘ภูมิธรรม’ มอบนโยบาย ตร.ยกระดับความปลอดภัยในชีวิต-ทรัพย์สินประชาชน ช่วงปีใหม่
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศการเดินทางในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ว่าเริ่มคึกคักในหลายเส้นทาง โดยวันเดียวกันนี้ถือเป็นวันแรกของ 10 วันอันตราย ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ มีมติขยายเวลาเฝ้าระวังความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ จากเดิม 7 วัน เป็น 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567-5 มกราคม 2568 เนื่องจากปีที่ผ่านมา มีประชาชนเสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาดเป็นจำนวนมาก เกิดอุบัติเหตุ 2,288 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 2,307 คน และเสียชีวิต 284 คน รัฐบาลจึงตั้งใจให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงปีใหม่ 2568 ลดลง
หมอชิต2คึกคักปชช.แห่เดินทาง
ส่วนบรรยากาศที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เริ่มคึกคัก ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาเนื่องในวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2568 ซึ่งกำหนดหยุดตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2567-1 มกราคม 2568 โดยบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้เพิ่มความเข้มงวดเรื่องความปลอดภัย ซึ่งก่อนผู้โดยสารจะเข้าไปชานชาลา ต้องตรวจสแกนกระเป๋าสัมภาระ และอนุญาตให้เฉพาะผู้โดยสารที่มีตั๋วโดยสารเข้าไปภายในชานชาลา เท่านั้น รวมทั้งจัดรถโดยสารให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เพื่อไม่มีผู้โดยสารตกค้าง พร้อมตรวจเข้มความพร้อมด้านความปลอดภัยรถโดยสาร และพนักงานขับรถก่อนออกให้บริการ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ลูกเสือ-เนตรนารีอาสาช่วยงาน
นอกจากนี้ มีลูกเสือและเนตรนารีจิตอาสา มาช่วยเหลือดูแลประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยบริการขนสัมภาระ แนะนำชานชาลาให้ผู้เดินทาง รวมทั้งอำนวยความสะดวกเรื่องอื่นๆ เพื่อให้การเดินทางมีทั้งความสุขและรอยยิ้มกลับไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเช้าวันเดียวกัน มีผู้มาใช้บริการทั้งคนไทยและแรงงานต่างชาติ ซึ่งเดินทางออกจาก กทม.หรือกลับภูมิลำเนา โดยผู้โดยสารรายหนึ่ง เปิดเผยว่า จะเดินทางกลับบ้านที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ คาดว่าต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้น จากเดิม 4 ชั่วโมง เป็นกว่า 10 ชั่วโมง เนื่องจากมีรถเดินทางออกต่างจังหวัดมาก และนอกจากปัญหาการจราจรติดขัดแล้ว ยังพบปัญหาราคาตั๋วโดยสารที่เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติ มีการบังคับให้จ่ายค่าตั๋วราคาเต็ม คือคิดราคาสถานีปลายทาง แม้ว่าตนเองลงระหว่างทาง ซึ่งบริษัทรถทัวร์อ้างว่าได้เรียกเก็บเงินเพิ่มในช่วงเทศกาล และจะเก็บเงินลักษณะนี้จนถึงวันที่ 6 มกราคม 2568
พบแห่ขึ้นเหนือ-อีสานช่วงปีใหม่
สำหรับสภาพการจราจรบนถนนสายเอเชีย ช่วงผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา มุ่งหน้าจังหวัดทางภาคเหนือ ถนนสายเอเชีย ช่วงตั้งแต่ทางแยกต่างระดับบางปะอิน พบว่าช่วงหลัก กม.ที่ 17 -18 ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณรถเพิ่มมากขึ้น เต็มทุกช่องการจราจร ใช้ความเร็วได้ที่ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีการชะลอตัวช่วงทางแยกเข้าตัว จ.พระนครศรีอยุธยา และทางขึ้นต่างระดับอยุธยา ทางเลี้ยวเข้าออกปั๊มน้ำมัน
ขณะที่ถนนพหลโยธิน ขาออก มุ่งหน้าจังหวัดทางภาคอีสาน ช่วงผ่าน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา หน้าตลาดวังน้อย ถึงทางแยกต่างระดับวังน้อย จนถึงโค้งบัวชม มีปริมาณรถเริ่มมาก ยังใช้ความเร็วได้ประมาณ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าตลอดทั้งวันถึงค่ำคืน ประชาชนจะเริ่มทอยเดินทางกลับภูมิลำเนามากยิ่งขึ้น
รถมุ่งหน้าภาคอีสานเริ่มหนาแน่น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตั้งแต่ช่วงเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา โดรนจากกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ขึ้นบินสำรวจเส้นทางขาออก มุ่งหน้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจุดตัดถนนพหลโยธิน-ถนนกาญจนาภิเษก หมายเลข 9 หน้าโรงงานเบียร์ช้าง วังน้อย เริ่มมีรถหนาแน่น และการจราจรต้องชะลอตัว แต่ยังคงเคลื่อนตัวได้ ยังไม่จำเป็นต้องเปิดช่องทางพิเศษ ส่วนถนนสายเอเชีย มุ่งหน้าสู่ภาคเหนือ ตั้งแต่ จ.พระนครศรีอยุธยา จนถึงนครสวรรค์ ยังคล่องตัวไม่มีปัญหารถติดสะสมแต่อย่างใด
แรงงานลาวแห่กลับไปฉลองปีใหม่
ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมือง จ.หนองคาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเดินทางเริ่มคึกคักตั้งแต่เปิดด่าน โดยเฉพาะฝั่งขาออก เนื่องจากมีแรงงานชาวลาว ประสงค์จะเดินทางออกนอกประเทศในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 เพราะส่วนใหญ่ได้หยุดยาวหลายวัน จึงพากันเดินทางกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิด โดยมีการหอบหิ้วสัมภาระน้อยใหญ่และของฝาก ติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
ทั้งนี้ พ.ต.อ.กฤชมงกุฎ บูรณะภักดี ผกก.ตม.หนองคาย ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ให้บริการ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้า-ออก ให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว บริการที่ดี มีประสิทธิภาพ แต่คงไว้ซึ่งการปฏิบัติตามกฎหมาย มีการขึ้นป้ายเตือนการกระทำผิดกฎหมาย ให้ข้อมูลแก่ผู้เดินทางทราบล่วงหน้า เพื่อป้องกันการกระทำความผิดในทุกกรณี
ทัวร์คว่ำดับ1-เจ็บ35คาดหลับใน
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ สายกรุงเทพฯ-เลย-เชียงคาน สีขาว ทะเบียน 10-2535 ชัยภูมิ ของ บขส.เสียหลักพุ่งลงข้างทาง บริเวณทางหลวงหมายเลข 201 กม.ที่ 254 ชุมแพ-เมืองเลย ต.ผานกเค้า อ.ภูกระดึง จ.เลย โดยโชเฟอร์เสียชีวิตคาที่ ส่วนผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ 35 คน ภายหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก.สภ.ชุมแพ นำกำลัง พร้อมด้วยแพทย์ และกู้ภัย ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยพบว่าเป็นป่าหญ้าข้างทาง ส่วนรถทัวร์คันเกิดเหตุสภาพด้านหน้าพังยับ ถูกชนอัดติดอยู่กับต้นไม้ พบศพนายวันชัย ป้องขันธ์ อายุ 52 ปี คนขับถูกอัดติดกับพวงมาลัย เสียชีวิตคาที่ กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่าง นำร่างออกมา ส่วนผู้โดยสารในรถได้รับบาดเจ็บ รวม 35 คน ถูกทยอยนำส่ง รพ.
สอบสวนหนึ่งในผู้บาดเจ็บ ให้การว่า เดินทางออกจากหมอชิต กทม.เวลาประมาณ 21.45 น.วันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อไปท่องเที่ยวที่ อ.ภูกระดึง จ.เลย เมื่อถึงที่เกิดเหตุช่วงเช้าตรู่ พบว่ารถส่ายไปมา ก่อนที่คนขับรถจะหักแซงขวา และขับเบี่ยงขวาไปเรื่อยๆ จนเสียหลักพุ่งลงข้างทาง กระทั่งตัวรถชนกับต้นไม้ ซึ่งผู้โดยสารทุกคนต่างพยายามช่วยเหลือตัวเอง คลานออกจากตัวรถ เบื้องต้นคาดว่าคนขับน่าจะเกิดหลับใน
ผัว-เมียถูกรถพ่วงชนดับคารถตู้
เช้าวันเดียวกัน พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.บ่อวิน จ.ชลบุรี นำกำลังตรวจสอบอุบัติเหตุรถพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ ทะเบียนส่วนหัว 74-8222 ชลบุรี พุ่งชนรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน นข-5729 ระยอง โดยมีผู้เสียชีวิตคารถตู้ 2 ราย ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน เหตุเกิดบนถนนสายมาบเอียง-แหลมฉบัง หมู่ 2 ต.เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตรงข้ามนิคมอุตสาหกรรม WHA2 โดยมีการประสานแทพย์ และกู้ภัย เข้าตรวจสอบ พร้อมนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากรถตู้ ส่วนหัวรถพ่วง 18 ล้อ คันดังกล่าวชนอัดติดกับรถตู้ สำหรับ คนขับรถพ่วงถูกแรงเหวี่ยง ตกจากรถ ทราบชื่อคือนายพรเทวา อายุ 48 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และขาขวาหักผิดรูป ทางกู้ภัยได้เร่งนำตัวส่งไปรักษาที่ รพ.แหลมฉบัง
ส่วนผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ น.ส.วรรณภา อายุ 42 ปี และนายปรีชา อายุ 49 ปี คนขับ สองสามีภรรยา ทางตำรวจได้นำศพส่งไปยัง รพ.แหลมฉบัง เพื่อชันสูตร และติดต่อญาติเพื่อมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป จากการสอบสวนทราบว่า รถพ่วงได้ขับมาตามถนน เมื่อวิ่งมาถึงหน้านิคอุตสาหกรรม WHA2 ได้เสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนน ชนเสาไฟฟ้าส่องสว่าง ก่อนจะพุ่งชนรถตู้คันเกิดเหตุที่ขับสวนมาเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้ หลังจากคนขับรถพ่วงออกจาก รพ.แล้ว จะมีการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
‘ภูมิธรรม’รุดมอบนโยบายตร.
อีกด้านหนึ่ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการบริหารราชการแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.พร้อมข้าราชการตำรวจระดับสูง ให้การต้อนรับ และร่วมประชุม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยว หรือร่วมกิจกรรมเฉลิมฉลอง อาจมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความสำคัญยิ่งในการดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ขอเน้นย้ำการตั้งจุดบริการประชาชนตามเส้นทางหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและการให้ข้อมูลการเดินทาง การช่วยเหลือเหตุฉุกเฉิน และจัดทีมพร้อมชุดปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด
ย้ำร่วมมือทุกภาคส่วนดูแลปชช.
“การดำเนินงานจะสำเร็จลุล่วงต้องอาศัยความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชน รวมถึงภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในการปฏิบัติงาน โดยจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา” นายภูมิธรรม กล่าว
คุมประพฤติสร้างความปลอดภัย
ที่ กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็นประธานประชุมผู้บริหารกรมคุมประพฤติ ครั้งที่ 9/2567 พร้อมเปิดตัวกิจกรรม “มอบของขวัญปีใหม่ 2568” ด้วยการมอบทุนประกอบอาชีพแก่ผู้ถูกคุมประพฤติ ฐานความผิดยาเสพติดทั่วประเทศ ทั้งนี้ มีผู้ถูกคุมประพฤติ 3 ราย ได้รับมอบทุนดังกล่าว ตามเป้าหมายส่งเสริมคนคุมประพฤติต้นแบบ ที่ผ่านมาได้มอบทุนไปแล้ว 145 ราย รวมเงินสนับสนับสนุนกว่า 1.2 ล้านบาท ช่วยสร้างรายได้รวม 3.35 ล้านบาทให้แก่ผู้ถูกคุมความประพฤติในหลากหลายสาขาอาชีพ เช่น เกษตรกร ค้าขาย และช่างเสริมสวย
ใช้4มาตรการสำคัญร่วมดูแลปชช.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในที่ประชุมได้เตรียมความพร้อมป้องกันอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 2568 ภายได้แนวคิด “คุมประพฤติหวงใย ร่วมสร้างสังคมปลอดภัย” ด้วย 4 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1.การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ 2.การลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนและสภาพแวดล้อม 3.การส่งเสริมพฤติกรรมผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย และ 4.การช่วยเหลือภายหลังเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ กรมคุมประพฤติ ยังจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความตระหนักถึงความปลอดภัย เช่น การปรับภูมิทัศน์จุดเสี่ยง การบริจาคโลหิต และการสนับสนุนการปฏิบัติงานจุดบริการประชาชน พร้อมบูรณาการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และผู้ถูกคุมประประพฤติ เน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่ประจำศาล ในช่วงวันหยุด และติดกำไล EM กับผู้ถูกคุมประพฤติ เพื่อควบคุมพฤติกรรม
“เราอยากให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เมื่อมีเหตุคนขับรถเร็ว เมาแล้วขับ ต้องถูกริบรถที่เป็นสิ่งที่ใช้กระทำผิด หรือถ้าเป็นเด็กเมาแล้วขัง ก็ต้องเอาผิดกับคนที่ขายสุราให้เด็ก และอยากให้ขยายไปถึงผู้ร่วมทำผิดด้วย เราไม่อยากให้คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ต้องมาเสียชีวิตเพราะคนเมาแล้วขับ” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
เผยภารกิจท้าทายช่วยเซฟชีวิตคน
รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า เรามีสิ่งท้าทายเกิดขึ้นใหม่ว่าเราจะช่วยกันป้องกันอุบัติภัยในช่วงเทศกาลวันหยุด ให้รู้สึกว่าเกิดผลเปลี่ยนแปลงหรือไม่ก็ตาม แต่ปริมาณรถในประเทศเรามีมากถึง 42 ล้านคัน ขณะที่ทางหลวง มีระยะทางกว่า 50,000 ตารางกิโลเมตร ส่วนทางหลวงชนบท ระยะทาง 48,000 ตารางกิโลเมตร ถ้าหากในช่วงวันหยุด 5 วัน เราสามารถช่วยเซฟชีวิตคนได้ 1 คน ก็เป็นสิ่งที่เราน่าจะมีความภูมิใจ และหากช่วยชีวิตคนได้มากกว่านั้นก็ยิ่งเป็นการดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี