“รู้สึกประทับใจวัฒนธรรมและคนไทย เช่น คนไทยยิ้มง่าย ตอนมาเที่ยวครั้งแรกตั้งใจมาเที่ยวตรอกข้าวสาร แต่เมื่ออยู่เมืองไทยนานๆ ชอบเที่ยวด้านวัฒนธรรมมากกว่า เช่น เที่ยววัดวาอาราม และวัฒนธรรมท้องถิ่น สภาพแวดล้อมที่สวยงาม โดยได้ยกตัวอย่างว่าที่ประเทศอิตาลีผู้ขายเหล้าจะพิจารณาว่าผู้ซื้อมึนเมาหรือไม่ หากเมาแล้วจะไม่ขายต่อ เพราะถ้าขายต่อจะเป็นการไม่รับผิดชอบต่อสังคม ในมุมมองของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยส่วนใหญ่ต้องการมาเรียนรู้สัมผัสประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมมากกว่าการตั้งใจมาปาร์ตี้มากินดื่ม”
นี่คือคำพูดของ Miss Lea Segatto อาสาสมัครมูลนิธิทองทศ จากประเทศอิตาลี บอกถึงความรู้สึกนึกคิดเมื่อถูกถามถึงสิ่งที่ชื่นชอบและจะนึกถึงเมื่อพูดถึงการมาเที่ยวประเทศไทย ซึ่งไม่ได้ผิดไปจากความคิดและความรู้สึกของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอื่นๆ เมื่อมาท่องเที่ยวในประเทศไทย
ที่ผ่านมา มูลนิธิพลังสังคม เครือข่ายองค์กรงดเหล้า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่าย พยายามหยิบสะท้อนเรื่องนี้ว่าเป็นประเด็นที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญในการทำแคมเปญท่องเที่ยวในประเทศไทย แทนการชูนโยบายสีเทามากระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศ อย่างการขาย การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ฟรีสไตล์
ล่าสุด 23 ธันวาคม 2567 ก่อนเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลองขึ้นศักราชใหม่ 2568 ก็ได้เปิดเวทีเสวนา “เฉลิมฉลองปีใหม่ Party NO-L สนุกได้ไร้แอลกอฮอล์” เพื่อชี้ให้เห็นทางเลือกมากมายเพื่อลดผลกระทบทางสังคม โดยมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ของการจัดงานปีใหม่ที่สร้างสรรค์และปลอดภัย
นายพิทยา จินาวัฒน์ คณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สสส. ระบุว่า เทศกาลปีใหม่คือช่วงเวลาสำคัญที่อุบัติเหตุทางถนนพุ่งสูงขึ้นอย่างน่ากังวล ปีใหม่ 2567 ที่ผ่านมามียอดรวมผู้เสียชีวิต 284 ศพ บาดเจ็บ 2,307 ราย เกิดอุบัติเหตุ 2,288 ครั้ง แม้ตัวเลขจะลดลงจากปีก่อนหน้า แต่เมื่อติดตามต่อในรายที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พบยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดกลายเป็น 486 ราย ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก ซึ่งผู้ประสบอุบัติเหตุเป็นเด็กเยาวชนอายุต่ำกว่า 25 ปี มากถึงร้อยละ 23.86 โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 86.31 เกิดกับรถจักรยานยนต์ และมีสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมาจากการดื่มแล้วขับร้อยละ 23.16
กิจกรรมรณรงค์อย่าง Party No-L จึงเป็นอีกก้าวสำคัญในการส่งเสริมวัฒนธรรมการเฉลิมฉลองอย่างปลอดภัยและลดผลกระทบทางสังคม ป้องกันไม่ให้เกิดเหยื่อจากการเมาแล้วขับ การดำเนินงานของ สสส. และภาคีหลายเรื่องได้เปลี่ยนพฤติกรรมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะให้เหล้าเท่ากับแช่ง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนวัฒนธรรมการให้ของขวัญช่วงเทศกาลต่างๆ กิจกรรมการส่งเสริม Party No-L นี้ เป็นอีกความห่วงใยที่จะช่วยลดการดื่ม และลดอุบัติเหตุทางถนนที่จะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาล
นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม ระบุว่า มีตัวอย่างของการดำเนินงานจากหลายภาคส่วนที่สร้างทางเลือกในการลดผลกระทบจากการดื่ม ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ข้ามปีการเฉลิมฉลองด้วยกิจกรรมด้านประเพณีท้องถิ่นและกิจกรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ การจัดงาน Party NO-L สนุกได้ไร้แอลกอฮอล์ เป็นการส่งสัญญาณหาทางออกจากความทุกข์คือการเจ็บตายความสูญเสียที่รออยู่ข้างหน้า
การจัดงานควรหลีกเลี่ยงจากความเสี่ยงต่างๆ งานคอนเสิร์ตและเคาท์ดาวน์ควรดูแลเรื่องจำนวนคนที่เข้าร่วมและการระบายคนในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินกรณีมีผู้คนมาร่วมงานหนาแน่น ตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นมีการดูแลบริหารจัดการอย่างดีและมีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีถึงกับมีคำสั่งยกเลิกการจัดงานเคาท์ดาวน์ในพื้นที่ชิบูย่าเมืองโตเกียวและควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาดเนื่องจากคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนที่เข้ามาร่วมกิจกรรม
นอกจากนี้การที่ประเทศไทยมีผู้ใช้มอเตอร์ไซค์มากเป็นอันดับหนึ่งของโลกการแก้ไขอุบัติเหตุความสูญเสียจากการเดินทางในระยะยาวต้องกระจายอำนาจและสร้างระบบขนส่งสาธารณะที่ดีมารองรับ แต่สิ่งที่ทำได้ทันทีในปัจจุบันคือการลดเหตุที่จะนำไปสู่ความเสี่ยงลดโอกาสในการดื่มหรือร่วมกันดูแลหลังการดื่มดังนั้นภาคส่วนต่างๆ ทั้งวัด ท้องถิ่น ชุมชนและภาคเอกชนต้องร่วมมือกันออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกันและคำนึงถึงความต้องการความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ
ด้าน นายธีรภัทร์ กุลพิศาล เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ เล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟังว่า ตนเคยประสบอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่เมื่อปี 2544 จนทำให้ต้องกลายเป็นผู้พิการ อยากเรียกร้องให้มีการปรับปรุงกฎหมายดื่มแล้วขับให้มีโทษหนักขึ้นเพราะจะทำให้คนไม่กล้าไปดื่มแล้วขับ เพื่อป้องกันเหตุสลดในอนาคต และเสนอว่าผู้บังคับใช้กฎหมายควรเข้มงวดทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
คุณสิริกุล วงษ์สิริโสภาคย์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า จำนวนครั้งและจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงเทศกาลมีแนวโน้มลดลง สาเหตุหลักของอุบัติเหตุคือขับรถเร็วตามมาด้วยเมาแล้วขับ รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดซึ่งมากกว่าครึ่งล้มเองโดยไม่มีคู่กรณี เมื่อสืบสาเหตุที่ล้มจะพบว่าเกิดจากการเมา ปีนี้เปลี่ยนการรณรงค์จาก 7 วันอันตราย เป็น 10 วันอันตราย คือ ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่คนจะลางานวันศุกร์ที่ 3 มกราคม เพื่อให้มีวันหยุดต่อในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 4-5มกราคม 2567 อุบัติเหตุในช่วงปีใหม่จะเกิดในถนนสายรองการตั้งด่านชุมชนและด่านครอบครัว จะเป็นการป้องกันไม่ให้คนรอบตัวที่เมาแล้วไปขับรถ
พระครูภัทรธรรมคุณ มูลนิธิสังฆะเพื่อสังคม ย้ำว่า ความสำคัญของพลัง “บวร” บ้าน วัด ราชการต้องร่วมมือกันจัดกิจกรรมช่วงปีใหม่โดยไม่มีแอลกอฮอล์ พร้อมยกตัวอย่างวัดที่จัดสวดมนต์ข้ามปี ซึ่งมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 โดยมีการสวดมนต์ตั้งแต่ 2 ทุ่มถึงเที่ยงคืน จนประสบความสำเร็จในการลดการดื่มในชุมชน
นายกิตติมศักดิ์ สีเดือน เครือข่ายเครือไตชาติพันธุ์ กล่าวว่า ได้ร่วมกันจัดงานปีใหม่ชาติพันธุ์แบบปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวันที่ 1-2 มกราคม ณ วัดไทยวัฒนาราม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยเป็นการจัดงานร่วมกันของ 8 ชาติพันธุ์ โดยได้ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมในการออกแบบกิจกรรมในงานปีใหม่ด้วย
คุณเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ ได้ร่วมกันคิดและตั้งคำถามกันว่าเชียงใหม่เป็นเมืองที่ร่ำรวยวัฒนธรรมอย่างมาก เหตุใดงานปีใหม่คนจึงคิดถึงแต่งานคอนเสิร์ต จึงคิดที่จะจัดตีกลองฉลองปีใหม่ และจุดพลุคนเมืองซึ่งในปีนี้จะมีการจัดงานที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ โดยใช้กลองพื้นบ้านของจังหวัดเชียงใหม่ รวม 8 ชนิด ในชื่อ จุมก๋องล้านนาอัฏฐมังคละเภรี เบิกวิถีปีใหม่ไทย 2568 เราเชื่อว่าแต่ละพื้นที่มีจุดเด่นด้านวัฒนธรรมของตนเอง ซึ่งภาครัฐควรส่งเสริมเพื่อให้เกิดการจัดงานปีใหม่บนพื้นที่ทางเลือกหรือพื้นที่สร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม
นางสาวพรทิพย์ พิมพ์โสภา กลุ่มเด็กอุบล กล่าวว่า ทำอย่างไรให้เด็กได้ทำกิจกรรมอย่างปลอดภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติด โดยเด็กเยาวชนจะมีส่วนร่วมในการเสนอกิจกรรมที่อยากทำ และจะเวียนไปตามประเด็นความสนใจของผู้เข้าร่วม การใช้กิจกรรมและการส่งเสริมพื้นที่สร้างสรรค์ก็เป็นอีกหนึ่งกลวิธีในการปลูกฝังค่านิยมที่ดีให้แก่เด็กเยาวชน
ขณะที่ นายธีรัช จันทร์หอม และ น.ส.อัญญารัตน์ โกติรัมย์ ชมรมคนหัวใจเพชร กล่าวว่า แต่เดิมตนสองคนทำงานในโรงงาน จะดื่มและสังสรรค์กันทุกวัน วันที่เกิดอุบัติเหตุไปดื่มห่างจากบ้านประมาณ 30 กิโลเมตรดื่มถึงตีหนึ่งแล้วหลับในทำให้เกิดอุบัติเหตุ ต้องนอนรักษาตัว 1 เดือนและกลับมาอยู่บ้านที่บ้านป่าเลนจังหวัดพัทลุง ซึ่งในชุมชนมีการรณรงค์เป็นชุมชนคนสู้เหล้า ได้ร่วมกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ ได้อบรมเครื่องดื่ม SoBrink รู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้น ทำให้มีเงินเหลือโดยตั้งเป้าว่าจะเก็บเงินที่ประหยัดได้จากที่เคยซื้อเหล้าเบียร์เพื่อไว้ไปท่องเที่ยว
จากความเห็นผู้ร่วมเสวนาสามารถรวมเป็นบทสรุปได้ว่า ปีใหม่นี้ Party No-L สนุกได้ไร้แอลกอฮอล์ จะช่วยลดความสูญเสีย ไม่เกิดเหตุสลด เหตุเศร้า ในเทศกาลแห่งความสุขเพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจริง จะกลายเป็นตราบาปติดในใจยากที่จะมีความสุขในเทศกาลอีกต่อไปได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี