"เพื่อไทย"กลัวแพ้รุกหนัก จัดทัพหลวงบุกนครพนม 2 ทัพใหญ่ลุยหาเสียงช่วยลูกพรรคชิงเก้าอี้นายก อบจ.นครพนม แหยง "น้องขวัญ" คู่แข่งอดีตนายก อบจ.หญิงครบเครื่องทั้งผลงาน+มารยาท

ตลอดทั้งเดือนมกราคม 2568 การหาเสียงผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) นครพนม และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) นครพนม ทั้ง 12 อำเภอ รวม 30 เขตเลือกตั้งจะทวีความเข้มข้นถึงขีดสุด ถ้าเปรียบเสมือนเครื่องยนต์ก็เหยียบจนมิดไมล์ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่วาดหวังกวาดเก้าอี้นายก อบจ. แบบเบ็ดเสร็จทั่วประเทศ แม้ตัวผู้สมัครบางราย หรือบางพื้นที่ ประชาชนไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนก็ตาม แต่ก็มั่นใจในฐานคะแนนว่าเอาใครมาลงก็ชนะ พร้อมขีดเส้นใต้เน้นเป็นคำประกาศิตว่าแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ดูไปดูมาการเลือกตั้งสนาม อบจ. ไม่ใช่เป็นการเสนอตัวรับใช้ประชาชนด้วยนโยบาย หรือผลงานความสามารถ น่าเป็นการแผ่สยายบารมีปีกการเมืองมากกว่า

คณะทำงานพรรคเพื่อไทย ยืนยันแล้วว่าวันที่ 12 มกราคมที่จะถึงนี้นายน้อย "อุ๊งอิ๊งค์" นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.นครพนม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อหาเสียงช่วยนายอนุชิต หงษาดี ผู้สมัครนายก อบจ.นคร หมายเลข 8 ที่เชื่อเป็นเลขมังกรสามารถสยบคู่ต่อสู้ได้ ต่อมาอีก 6 วัน นายทักษิณ ชินวัตร ก็จะมาหาเสียงสำทับในวันที่ 18 มกราคม 2568 คาดการลงพื้นที่ของทัพหลวงทั้ง 2 ทัพใช้สนามกีฬาโรงเรียนนครพนมวิทยาคม เขตเทศบาลเมืองนครพนม เป็นเวทีในการหาเสียงช่วยนายอนุชิต งานนี้แฟนคลับเตรียมซ้อมเสียงกรี๊ดรอไว้เลย

ด้านคู่แข่งชิงนายก อบจ.นครพนม เป็นอดีตนายก อบจ.ในสมัยที่ผ่านมา คือ น้องขวัญ-นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ หมายเลข 2 ทีมนครพนมร่วมใจ การหาเสียงต่างจากพรรคใหญ่โดยสิ้นเชิง เวทีนี้ไม่มีพี่เลี้ยงเพราะใช้ผลงานที่ผ่านมา เดินเท้าแจกแผ่นพับแนะนำตัวนายก อบจ. และ ส.อบจ.นครพนม ในแต่ละเขตเลือกตั้ง จำนวน 30 เขต 12 อำเภอ เพราะได้เบอร์ 2 เหมือนกันหมด และง่ายแก่การเข้าคูหากาเบอร์ 2 ทั้งสองใบ 

ต้องยอมรับความจริงว่า น้องขวัญ-นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ สร้างผลงานที่ผ่านมามากมาย ประชาชนจับต้องได้ ไม่ใช่นโยบายขายฝัน จึงไม่แปลกเลยที่น้องขวัญไปปรากฏตัวพื้นที่ไหน จะต้องมีประชาชนเข้ามาทักทายเสมอ มีความครบเครื่องทั้งฝีมือในการบริหารงานโดดเด่น เพราะไม่เป็นร่างทรงของผู้หนึ่งผู้ใด ผนวกกับความอ่อนน้อมถ่อมตน มีเอกลักษณ์ที่จดจำคือรอยยิ้มและกระพุ่มมือไหว้

ด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่พรรคเพื่อไทย หวาดกลัวว่าคนของตนจะไปไม่ถึงฝั่ง ก่อนหน้านี้ก็ได้จัดส่วนหน้าหยั่งเชิง ด้วยการส่งนางสาวจิราพร สินธุไพร ชิมลางวัดกระแสนิยมเมื่อปลายเดือนธันวาคม 67 แต่วอร์รูมไม่กระเตื้อง จึงต้องจัดทัพใหญ่ถึง 2 ทัพ ลงพื้นที่หาเสียงในเวลาไล่เลี่ยกัน เท่ากับพรรคเพื่อไทยยอมรับว่า นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ ผู้สมัครหมายเลข 2 ทีมนครพนมร่วมใจ อดีตนายก อบจ.นครพนม มีความแข็งแกร่งทั้งในด้านผลงาน การบริหารงาน และการเข้าถึงประชาชน

โดยทุกครั้งที่มีภาพการทำงานอย่างถึงลูกถึงคนของนายก อบจ.ฯหญิงคนนี้ เผยแพร่ทางโซเชียล จะเห็นได้ว่าลงพื้นที่จริงอย่างต่อเนื่อง  คนใกล้ชิดจึงกล่าวว่าเวลานายกฯทำงาน เหมือนองค์ลง จะมีความคิดแหลมคม เฉียบขาด เด็ดขาด ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง แต่หลังปฏิบัติงานจะเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ทำให้เข้าใจได้ทันทีว่า พรรคเพื่อไทยกลัวความสามารถของผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้มากถึงมากที่สุด

ในขณะที่นายแพทย์ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม หมายเลข 3 ทีมอิสระ อดีตนักการเมืองระดับชาติ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า การหาเสียงเป็นไปตามกำลังทรัพย์ เพราะไม่มีพรรคใหญ่สนับสนุน ยืนยันหากนายทักษิณ เดินทางมาหาเสียงช่วยนายอนุชิต ตนจะไปรอรับที่สนามบิน เพราะมีความสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว ตั้งแต่สมัยเป็นพรรคไทยรักไทยเป็นต้นมา และต่อข้อซักถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม และ สส.นครพนมเขต 2 พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนนายอนุชิตลงสมัครนายก อบจ.นครพนม ในนามพรรคเพื่อไทย นพ.ประสงค์หรือหมอสงค์คนยาก กล่าวว่าในฐานะเป็นพ่อบุญธรรม ก็ผลักดันสนับสนุนจนหลานสาวเป็นทั้งนายก อบจ.นครพนม และ สส.นครพนม แล้ว ถือว่าประชาชนยังเคารพศรัทธาตนอยู่ เหตุที่ต้องแยกออกมาเพราะหลานสาว ไม่สนับสนุนให้ลงนายก อบจ.นครพนม 

"การเลือกตั้งไม่ใช่สงครามการต่อสู้ แต่เป็นการพิสูจน์ความรัก มีคนรักมากเขาก็กาคะแนนให้เรา รักน้อยก็กาน้อยฯ" หมอสงค์คนยาก กล่าว - 003