กรมคุกสั่งย้าย
2กลุ่มนักโทษ
พ้นคุกปัตตานี
เหตุแทงกันดับ
“รมว.ยุติธรรม” สั่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงพื้นที่ด่วนสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์นักโทษเรือนจำปัตตานีซุกเหล็กแหลมแทงกันดับกลางงานแข่งกีฬาปีใหม่ ล่าสุด สั่งย้ายนักโทษทั้ง 2กลุ่มออกไปแล้ว ‘ราชทัณฑ์’ร่อนเอกสารแสดงความเสียใจ เต้นสั่งสอบเหตุนักโทษแทงกันดับกลางงานแข่งบอล พร้อมสั่งลงโทษอย่างเด็ดขาด งดกิจกรรมทั้งหมด
ความคืบหน้าเกิดเหตุผู้ต้องขังทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายกัน ในเรือนจำกลางปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 12 ราย สาหัส 2 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเปิดเผยว่าได้รับรายงานจากผบ.เรือนจำกลางปัตตานี ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยการแยกขังผู้ต้องขังทั้งสองกลุ่มไว้คนละแดน จะได้มีการแยกย้ายขังเรือนจำไปยังเรือนจำใกล้เคียงใน วันที่ 1 มกราคม 2567 ย้ายผู้ต้องขังสองกลุ่มดังนี้ 1. กลุ่มผู้ต้องขังบ้านในเมืองปัตตานี ย้ายไปเรือนจำกลางสงขลา 2. สองกลุ่มผู้ต้องขังบ้านอำเภอมายอและอำเภอสายบุรีย้ายไปยัง เรือนเรือนจำจังหวัดนราธิวาส
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าผู้ต้องขังได้ซุกเหล็กแหลมด้วยการฝังดินไว้ในแดน1 ซึ่งเป็นแดนคุมขังผู้ต้องขังคดีโทษสูง ซึ่งที่ผ่านมาเรือนจำได้มีการตรวจจู่โจมตรวจค้นอย่างต่อเนื่องแต่ไม่พบสิ่งของต้องห้ามดังกล่าว โดยทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้สั่งการ 3 ข้อคือ 1. ให้ผบ.รจก.สงขลา ประธานเขต 9 เร่งให้การสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาด้วยการควบคุมดูแลสถานการณ์และย้ายผู้ต้องขังที่ร่วมก่อเหตุไปยังเรือนจำเป้าหมาย 2.ให้ชุดปฏิบัติการพิเศษของกรมร่วมกับชุดปฏิบัติการเขต 9 เร่งตรวจค้นจู่โจมสิ่งของต้องห้ามพร้อมจัดระเบียบภายในเรือนจำ 3.ให้กองทัณฑวิทยาเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นต่อไป และ 4.ให้เรือนจำปัตตานีเร่งดำเนินคดีผู้ก่อเหตุตามกฎหมาย
พร้อมทั้งช่วยเหลือเยียวผู้เสียหายและครอบครัวเสียหายตามความเหมาะสม กรมราชทัณฑ์ ได้มอบหมายให้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการ ลงไปกำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง เร่งการตรวจสอบเบื้องต้น ให้ข้อมูลและความจริงกับญาติ ผู้เสียชีวิตโดยเร็ว และพิจารณาว่ามีผู้ต้องรับผิดชอบหรือบกพร่องอย่างไรโดยด่วนแล้ว
ขณะที่ กรมราชทัณฑ์ออกแถลงการณ์ ออกแถลงการณ์ชี้แจง กรณีเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 เกิดเหตุผู้ต้องขังทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายกัน ในเรือนจำกลางปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 12 ราย สาหัส 2 ราย และเสียชีวิต 1 ราย นั้น กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานจากเรือนจำกลางปัตตานีว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 เวลาประมาณ 11.00 น. เกิดเหตุผู้ต้องขังทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน บริเวณแดน 1 ของเรือนจำกลางปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 12 ราย สาหัส 2 ราย และพบผู้ต้องขังรายหนึ่งถูกเหล็กแหลมแทงเสียชีวิต 1 ราย เจ้าหน้าที่เรือนจำจึงเข้าควบคุมสถานการณ์ และประสานรถฉุกเฉิน 1669 เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องขังที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดไปยังโรงพยาบาลปัตตานี
จากเหตุการณ์ดังกล่าว เรือนจำกลางปัตตานีรายงานว่า เรือนจำฯ จัดการแข่งขันฟุตซอล เมื่อวานนี้ (วันที่ 31 ธันวาคม 2567) โดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ต้องขังแข่งขันกันเพื่อเป็นการผ่อนคลาย และได้ออกกำลังกาย จนกระทั่งการแข่งขันเช้าวันนี้ ได้จัดการแข่งขันฟุตบอล (วันที่ 1 มกราคม 2568) ทำให้เกิดกระทบกระทั่งกัน จนทำให้เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทดังกล่าวขึ้น โดยทางเรือนจำฯ ได้ดำเนินการทางวินัยกับผู้ต้องขังที่กระทำความผิดและแจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป และจะสอบสวนสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง ถึงแม้มาตรการในเรือนจำฯ มีความเข้มงวดอยู่แล้ว แต่เรือนจำฯ จะเพิ่มความเข้มงวดให้สูงยิ่งขึ้น รวมถึงแจ้งงดกิจกรรมอื่น ๆ ที่จะมีขึ้นไปก่อน
กรมราชทัณฑ์ ขอแสดงความเสียใจและพร้อมให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสมให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว และขอเน้นย้ำว่าเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง ภายใต้การดูแลของกรมราชทัณฑ์ ได้ให้ความสำคัญถึงความปลอดภัยและสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขังทุกคนมาโดยตลอด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี