6วันอันตรายดับ272เจ็บ1,694
‘ปีใหม่’ยังดุ!
สุราษฎร์ธานียอดตายนำโด่ง
แห่เดินทางกลับเข้ากรุง
ปภ.คุมเข้มความปลอดภัย
ปภ.เผยวันที่ 6 ในช่วง 10 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ ดับแล้ว 272 ศพ บาดเจ็บ 1,694 ราย เกิดอุบัติเหตุ 1,739 ครั้ง โดย จ.สุราษฎร์ธานี นำโด่งสูญเสียสะสม ขณะที่
8 จังหวัดตายเป็นศูนย์ ด้านกรมคุมประพฤติ-ตำรวจคุมเข้ม ผ่าน 6 วัน คดีพุ่งกว่า 5 พันคดีส่วนรถทัวร์ตกข้างทางที่สุราษฎร์ ดับ 5 ศพ เจ็บอื้อ
เมื่อวันที่ 2 มกราคม นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี (ศปถ.) เพื่อรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 เปิดเผยว่า วันเดียวกันนี้เป็นแรกของการเปิดทำงาน หลังจากเทศกาลปีใหม่ ซึ่งประชาชนบางส่วนได้เดินทางกลับถึง กทม.และจังหวัดเขตเศรษฐกิจในภาคต่างๆ แล้ว ขณะเดียวกัน ยังมีประชาชนบางส่วนที่อยู่ระหว่างเดินทางกลับ ทำให้เส้นทางสายหลัก เส้นทางสายรอง รวมถึงถนนในชุมชน หมู่บ้าน ยังมีปริมาณรถหนาแน่น
ปภ.ห่วงผู้ขับขี่พักผ่อนไม่พอ
ทั้งนี้ คืนที่ผ่านมาหลังจากการเฉลิมฉลองปีใหม่ ประชาชนบางส่วนได้เดินทางกลับทันที ทำให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะเกิดความเหนื่อยล้า พักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มสูงขึ้น จึงประสานทุกจังหวัดให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มข้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนโดยให้เข้มข้นการตั้งด่านตรวจจุดตรวจ จุดสกัด บนถนนสายหลักเป็นระยะๆ ตลอดเส้นทาง เพื่อกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับรถเร็ว การดื่มแล้วขับ การไม่สวมหมวกนิรภัย และการไม่คาดเข้มขัดนิรภัย โดยหากพบผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากพฤติกรรมเสี่ยงดังกล่าว
สั่งขนส่งฯดูแลความปลอดภัย
นอกจากนี้ ให้ขนส่งจังหวัดดูแลความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ใช้รถโดยสารสาธารณะในการเดินทาง ขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมรถบริการรับ-ส่งผู้โดยสารจากสถานีขนส่งต่างๆ ให้เพียงพอต่อการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว และตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถและรถขนส่งสินค้า โดยจะต้องเปลี่ยนคนขับให้ปฏิบัติงานติดต่อกันไม่เกิน 4 ชั่วโมง หยุดพักขับรถไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนขับรถต่อได้อีกไม่เกิน 4 ชั่วโมง หรือมีพนักงานขับรถอย่างน้อย 2 คน เพื่อผลัดกันทำหน้าที่ และตรวจสอบสภาพรถให้อยู่ในสภาพปลอดภัย
ศปถ.กวดขันพฤติกรรมเสี่ยง
“ศปถ.ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับรถเร็วซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 6 โดยเน้นย้ำให้ใช้กลไกพื้นที่ โดยเฉพาะการตั้งด่านชุมชนหรือด่านครอบครัว เพื่อป้องปรามผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งนี้ ขอฝากให้ประชาชนขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด สวมใส่อุปกรณ์นิรภัยทั้งหมวกนิรภัยและเข็มขัดนิรภัย และมีน้ำใจกับผู้ร่วมใช้เส้นทาง ตรวจสอบความพร้อมของยานพาหนะ เส้นทางการเดินทาง รวมถึงสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง” นายภาสกร กล่าวและว่า หากขับรถเป็นเวลานาน มีความรู้สึกง่วงหรืออ่อนเพลีย ให้จอดพัก ณ จุดบริการประชาชน หรือจุดพักรถที่ทางราชการจัดสรรไว้ให้ตลอดเส้นทางการเดินทาง
อุบัติเหตุปีใหม่6วันดับแล้ว50
สำหรับข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ประจำวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่ 6 ของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนน เกิดอุบัติเหตุ 339 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 346 คน และผู้เสียชีวิต 50 ราย
สาเหตุหลักจากขับเร็ว-เมาขับ
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 38.94 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 31.56 ทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ16.81 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จักรยานยนต์ ร้อยละ 86.42 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ81.12 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 40.71 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 30.09 lj;oช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 00.01 - 01.00 น.เวลา 01.01-02.00 น.และเวลา 18.01-19.00 น.ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี ร้อยละ 24.49 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,774 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 50,744 คน
สุราษฎร์ฯแชมป์อุบัติเหตุสูงสุด
ขณะที่จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (24 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (36 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (7 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 6 วันของการรณรงค์ (27 ธันวาคม 2567-1 มกราคม 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,739 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,694 คน ผู้เสียชีวิตรวม 272 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 8 จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (63 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (73 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี
คุมประพฤติ6วันพุ่งกว่า5พันคดี
ด้าน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยสถิติคดีคุมประพฤติต้อนรับปีใหม่ 2568 โดยวันที่ 1 มกราคม 2568 มีคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติรวมทั้งสิ้น 1,567 คดี โดยเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 1,542 คดี และคดีขับเสพ 25 คดี
สรุปยอดสะสม 6 วัน ซึ่งมีการควบคุมเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 1 มกราคม 2568 มีคดีคุมประพฤติ รวม 5,587 คดี ยอดติด EM สะสม 33 ราย ดังนี้ คดีขับรถขณะเมาสุรา 5,426 คดี (ร้อยละ 97.12) ติดกำไล EM 32 ราย , คดีขับเสพ 157 คดี (ร้อยละ 2.81) ติด EM 1 ราย และคดีขับรถประมาท 4 คดี (ร้อยละ 0.07) จังหวัดที่มียอดสะสมคดีขับรถขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 420 คดี จ.เชียงใหม่ 418 คดี และนนทบุรี 325 คดี
ติดกำไลEMเมาขับ10ราย3เดือน
พ.ต.ต.สุริยา เปิดเผยด้วยว่า สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสกลนคร ดำเนินการตามคำสั่งศาลติดอุปกรณ์ EM ให้กับผู้กระทำผิดในคดีเมาแล้วขับ 10 ราย เป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งใน 3 ราย พบมีประวัติเคยถูกจับในคดีเมาแล้วขับมาก่อน และบางรายมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 320 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ศาลจึงเพิ่มเงื่อนไขโดยให้พักใบอนุญาตขับขี่เป็นเวลา 6 เดือน
ขณะที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำผู้ถูกคุมความประพฤติในคดีเมาแล้วขับ ร่วมสังเกตการณ์การจราจรและพฤติกรรมการใช้ยานพาหนะโดยนั่งดูผ่านกล้อง CCTV เพื่อสร้างความตระหนักในการขับขี่ยานพาหนะด้วยความปลอดภัย ปฏิบัติตามกฎหมาย ตระหนักถึงผลกระทบที่ร้ายแรงที่อาจเกิดกับตนเองและผู้อื่น
เดินหน้าคุมเข้มอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ กรมคุมประพฤติ ยังคงเดินหน้าสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยการผสานกำลังสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ อาสาสมัครคุมประพฤติ ผู้ถูกคุมประพฤติ และภาคีเครือข่าย ในการสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ จุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้นบริเวณทางสายรองที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดอุบัติเหตุ รวม 58 จุด โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 284 คน
รถทัวร์ตกร่องถนนที่สุราษฎร์ฯ
ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งอุบัติเหตุรถทัวร์ตกร่องกลางถนน ฝั่งขาขึ้นกรุงเทพมหานคร มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก เหตุเกิดที่บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 41 (สายเอเชีย) ตรงข้ามดอนรักรีสอร์ท หมู่ 1 ต.ป่าเว อ.ไชยา จึงนำกำลัง เข้าตรวจสอบ พร้อมกับประสานหน่วยกู้ชีพกู้ภัย และแพทย์ เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
อุบัติเหตุดับ5บาดเจ็บกว่า30ราย
ในที่เกิดเหตุพบรถทัวร์โดยสารไม่ประจำทาง สภาพพลิกตะแคงอยู่ในร่องกลางถนน และมีร่องรอยไถลเป็นทางยาวเกือบ 100 เมตร มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ในรถ จึงได้เร่งช่วยเหลือผู้บาดเจ็บออกจากรถ เพื่อนำส่ง รพ.โดยพบว่ามีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 5 คน และได้นำผู้บาดเจ็บส่ง รพ.ไชยา 12 คน และที่ รพ.ท่าฉาง 18 คน รวม 30 คน ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 3 คน ถูกส่งต่อไปรักษาที่ รพ.สุราษฎร์ธานี ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ประสงค์ไป รพ.2 คน รวมผู้โดยสารและคนขับรถคันเกิดเหตุ 37 คน
พบเช่าเหมาคันไปเที่ยวยะลา
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถทัวร์คันดังกล่าว เป็นทัวร์เช่าเหมาไม่ประจำทาง รับคณะทัวร์มาจาก จ.สมุทรสาคร ไปเที่ยว จ.ยะลา และวันเดียวกันนี้เป็นวันเดินทางกลับ ออกจาก จ.สงขลา ตั้งแต่เช้า แวะท่องเที่ยวระหว่างทาง โดยผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์บนรถคันเกิดเหตุ ให้การว่า ระหว่างนั่งโดยสาร เมื่อรถขับมาถึงที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงกระแทกเหมือนตกหลุม ก่อนรถจะเสียหลักไถลลงร่องกลางถนน ชนต้นไม้หลายต้น ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ารถใช้ความเร็วอยู่ที่ 81 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งอยู่ในช่องทางขวา
ผู้ว่าฯสั่งเร่งดูแลผู้ประสบเหตุ
ด้านนายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผวจ.สุราษฎร์ธานี สั่งการให้นายบันดาล สถิรชวาล รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ.ทั้งสองแห่ง ส่วนผู้เสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่ได้นำร่างเก็บรักษาไว้ที่มูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี ก่อนจะติดต่อญาติเพื่อรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
จนท.เร่งสอบหาสาเหตุที่แน่ชัด
จากนั้นรอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และแขวงทางหลวงสุราษฎร์ธานี ที่ 1 ซึ่งจุดดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อสร้างปรับปรุงพื้นผิวการจราจรเป็นคอนกรีต และยังก่อสร้างไม่เสร็จ ยังไม่มีการขีดเส้นจราจรและเส้นขอบทาง แต่ระหว่างเส้นทางมีการติดตั้งไปป้ายเตือนเป็นระยะ ส่วนจุดที่รถตกจากถนน ยังไม่พบการชำรุด หลุมบ่อบนถนน หรือความผิดปกติของความลาดเอียง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง จะได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่แน่ชัด ก่อนจะพิจารณาดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี