เมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ (4 ม.ค.67) พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พร้อมนายแพทย์ ชวมัย สืบนุการณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ แถลงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฯผู้ป่วยผ่าตัดไส้ติ่งคุ้มคลั่ง อาละวาดหนักทุบเอาขวานจากตู้ฉีดน้ำดับเพลิงอาคาร เพื่อจะทำร้ายเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยในโรงพยาบาลว่า เมื่อวาน (3 ม.ค.68) สภ.เมืองสุรินทร์ ได้รับแจ้งเหตุมีคนอาละวาดอยู่ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และได้สั่งการให้สายตรวจไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุที่โรงพยาบาลสุรินทร์อยู่ภายในตึก 9 ชั้น 4 เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบชายดังกล่าวอยู่ในอาการอาละวาด ในมือถือขวานซึ่งเป็นอุปกรณ์ผจญเพลิงซึ่งติดตั้งอยู่ที่โรงพยาบาล เป็นอาวุธด้วยที่ถือด้วยมือข้างขวา แล้วก็มือข้างซ้ายถือเสาน้ำเกลือ
จากนั้นสายตรวจที่ลงพื้นที่ทั้ง 2 นาย ได้ดำเนินการตามหลักยุทธวิธีที่ได้รับการฝึกฝนมา และได้มีการพูดเจรจาเพื่อให้ผู้ก่อเหตุวางอาวุธลงเพื่อให้อยู่ในภาวะที่จะให้ควบคุมได้ แต่ปรากฏว่าการเจรจาไม่เป็นผล เนื่องจากว่าผู้ก่อเหตุมีลักษณะอาการที่ห้ามแล้วก็ไม่รับฟัง ก็ได้ตรงเข้าหาทางเข้าหาเจ้าหน้าที่สายตรวจทั้ง 2 นาย ซึ่งขณะนั้นก็ยังมีสายตรวจที่ยืนคุมอยู่ด้านหลังอีก 2 นาย แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ของรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล และก็มีหัวหน้าวอร์ดอยู่บริเวณด้านหลังบริเวณประตูทางเข้าด้วย รวมเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นอีกประมาณ 20 กว่าคน โดยคนตายได้พุ่งตรงเข้ามา จะใช้อาวุธขวานในมือ จะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ
"แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถอย แล้วก็ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงลงพื้น เพื่อจะให้ชายที่ก่อเหตุหยุดอาละวาด แล้วก็ลดอาวุธตามสั่ง ปรากฏว่าก็ยังไม่หยุด ก็เลยยิงไปถูกบริเวณขาก่อน แล้วก็ไล่มาโดนแขนจนนัดสุดท้ายก็โดนบริเวณลำตัว แล้วก็ล้มลง หลังจากนั้นก็ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าควบคุมแล้วก็ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งตอนนั้นทางทางคณะแพทย์พยาบาล ที่อยู่ใกล้เคียงก็นำตัวเข้าไปรักษา จนกระทั่งผู้ก่อเหตุผลที่บาดแผลไม่ไหว แล้วก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา และทราบต่อมาว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ผู้ก่อเหตุก็ได้เข้าไปพยายามที่จะทำร้ายร่างกายคนป่วยคนอื่นๆ ซึ่งในนั้นยังมีคนป่วยอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว ยังมีผู้ป่วยสูงอายุมากถึง 80 ปี และมีผู้ป่วยติดเตียงด้วย" พล.ต.ต.สุคนธ์ กล่าว
นายแพทย์ ชวมัย สืบนุการณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ป่วยที่มีลักษณะนิสัยแบบนี้พบได้ค่อนข้างที่จะมากขึ้น ซึ่งเคสดังกล่าวเป็นเคสที่ได้รับการส่งตัวมาจากโรงพยาบาลจอมพระ เนื่องด้วยมีอาการไส้ติ่งอักเสบ และได้มีการผ่าตัดเรียบร้อย และทราบว่าทางผู้ตายนั้นมีประวัติเสพติดสุรา พอช่วงเช้าวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา เริ่มให้รับประทานอาหารได้หลังจากเวลา 12.00 น. ได้รับการรายงานมาจากเจ้าหน้าที่ว่ามีอาการพูดจาสับสนและมีการตรวจประเมินอาการขาดสุรา หลังจากการประเมินคะแนนในการประมาณอยู่ที่ระดับ 4 เป็นระดับที่เฝ้าระวังและได้มีการดูแลผู้ป่วยรายนี้อย่างใกล้ชิด และมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมาอยู่บริเวณใกล้ชิดเจ้าหน้าที่เพื่อให้มีความปลออดภัย
จากนั้นได้มีการให้ยาเพื่อระงับอาการแต่ผู้ป่วยก็ยังไม่สงบ ก่อนจะลุกขึ้นบนเตียงพร้อมกับกระชากสายน้ำเกลือออก และคว้าเสาน้ำเกลือเดินออกไปทำร้ายบุคคลากรและคนไข้ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวน 20 ราย มาพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อระงับเหตุเบื้องต้น และมีเครื่องมือทางการแพทย์เสียหายเป็นจำนวนมากอีกด้วย และที่สำคัญก็คือคนก่อเหตุจะเข้าไปดึงสายท่อช่วยหายใจออกจากปากผู้ป่วยวิกฤต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาระงับเหตุได้ทันเวลา
"หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ทางโรงพยาบาลได้เร่งช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถเพื่อให้ทันท่วงทีและได้มีการส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดและมีทีมแพทย์นับ 10 ชีวิต มาช่วยเหลือในที่สุดก็เกิดความสูญเสีย ทางกระทรวงสาธารณสุขพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญก็คือการเยี่ยวยาจิตใจเจ้าหน้าที่ที่ดูแลและปกป้องชีวิตของคนไข้ และไม่อยากให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก จึงอยากฝากเตือนคนที่เสพติดการดื่มสุราหรือบุหรี่ไฟฟ้า ใครที่เสพติดเป็นจำนวนมากอยากให้ลดลงเพื่อกันเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก"นายแพทย์ ชวมัย กล่าว
ด้านหัวหน้าวอร์ดรายหนึ่ง กล่าวว่า ในขณะที่เกิดเหตุ ตนได้รับรายงานมากจากเจ้าหน้าที่บุคคลากรทางโรงพยาบาลและมีการรายงานเป็นลำดับตามระเบียบโรงพยาบาลหลังจากเกิดเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นได้มีการย้ายผู้ป่วยติดเตียงไปในที่ที่ปลอดภัย และได้มีเสียงทุบกระจกเสียงดังซึ่งน้องพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ได้เล่าบอกว่าตอนนั้นได้หลบอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งคนตายได้อาละวาดทุบกระจกและได้ยินเสียงมือบิดลูกดประตู และในขณะนั้นได้มีญาติของคนไข้ได้ช่วยกันดันประตูไม่ให้ผู้ก่อเหตุเปิดประตูเข้ามายังห้องเจ้าหน้าที่ได้ เหตุการณ์นี้ในขณะที่ตนเองเป็นหัวหน้าตึก 9 ชั้น 4 หลังจากเหตุการณ์สงบตนได้มาพูดคุยกับน้องพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ ในขณะที่เกิดเหตุน้องพยาบาลคนนี้ได้เข้าไปอยู่ในห้องน้ำพร้อมกับกอดคนไข้ร้องไห้ ถ้าเกิดว่าคนก่อเหตุสามารถเปิดประตูเข้าไปได้เสียชีวิตแน่นอนเพราะมีอาวุธติดมือไปด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี