250 แรงงานถูกตุ๋น
ทำงานออสเตรเลีย
บุกแจ้งความปคม.
เร่งจับนายหน้าสาว
250 แรงงานที่ถูกหลอกโอนเงินค่าดำเนินการเพื่อไปทำงานที่ออสเตรเลียเข้าแจ้งความ บก.ปคม. จัดการนายหน้าสาวอ้างทำงานสถานทูตฯออสซี่ แต่พอถึงวันเดินทางอ้างเอกสารการแพทย์ไม่ผ่าน ก่อนถูกลอยแพทิ้งพาสปอร์ตไว้บ้านย่านบางนา มูลค่าความเสียหายรวม 12 ล้าน
เมื่อวันที่ 6 มกราคม นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงข่าวแรงงานไทย 250 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เหตุถูกหลอกลวงไปทำงานที่ออสเตรเลีย ค่าเสียหายคนละ 60,000 - 120,000 บาทว่า กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เร่งช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว โดยส่งเจ้าหน้าที่กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน รับเรื่องร้องทุกข์จากกลุ่มผู้เสียหาย ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.)กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทั้งนี้ ได้สืบสวนจนทราบตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงคนหางานกลุ่มดังกล่าวแล้ว โดยมอบให้เจ้าหน้าที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อดำเนินคดีกับผู้หลอกลวงคนหางาน
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายณรงค์ชัย พนาจันทร์ อายุ 42 ปี อาชีพค้าขายก๋วยเตี๋ยว พร้อมผู้เสียหายประมาณ 50 ราย ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย 250 ราย เข้าแจ้งความเอาผิด น.ส.ออยหลังถูกหลอกโอนเงิน อ้างจะพาไปทำงานประเทศออสเตรเลีย รวมมูลค่าความเสียหาย 12 ล้านบาท
นายณรงค์ชัยเผยว่า วันนี้กลุ่มพวกตนมาแจ้งความดำเนินคดีกับน.ส.ออย หลังถูกหลอกลวงชักชวนไปทำงานประเทศออสเตรเลีย ซึ่งตัวน.ส.ออย อ้างว่าทำงานในสถานทูตออสเตรเลียที่ประเทศไทย สามารถนำคนไปทำงานที่ออสเตรเลียได้ เพราะมีช่องทางมีโควตา จากนั้นก็ชักชวนกันปากต่อปาก โดยอาชีพที่ น.ส.ออยอ้างว่าจะพาไปทำงานนั้นประกอบด้วย เกษตร พนักงานโรงแรม และเด็กเสิร์ฟร้านอาหาร โดยตนจะไปทำงานที่ร้านอาหาร จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 160,000 บาท เก็บครั้งแรก 60,000 บาท ส่วนที่เหลือจะถูกหักจากเงินเดือนหลังไปทำงานเดือนละ 10,000 บาทจนครบ แต่ละอาชีพจะมีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน เพราะน้องชายของตนที่จะไปทำอาชีพเกษตรที่ไร่สตรอเบอร์รี่และมะเขือเทศ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 200,000 บาท หลังโอนเงินแล้วหนึ่งสัปดาห์ ก็ทำเอกสารสัญญาจ้าง 5 ปี กับ 10 ปี โดยทุกคนก็จะโอนเงินเข้าบัญชีของ น.ส.ออย ซึ่งทุกคนก็มีหลักฐานการโอนเงินดังกล่าว
นายณรงค์ชัยกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ทุกคนยังนำพาสปอร์ตส่งให้น.ส.ออย เก็บไว้ โดยน.ส.ออย อ้างว่าจะจัดการทุกอย่างให้ รวมไปถึงเรื่องวีซ่าด้วย ซึ่งการนัดหมายจะบินคือ วันที่ 4 มกราคม แต่ทางแรงงานทั้งหมดที่หลงเชื่อเดินทางไปพักใกล้สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม โดยน.ส.ออย เปิดโรงแรมให้แรงงานทั้งหมด 250 คนพัก 1 คืน เพื่อไปตรวจยืนยันสุขภาพ แต่เมื่อถึงวันนัดหมายจะบิน น.ส.ออยเดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิและอ้างว่า เอกสารการแพทย์ยังไม่พร้อม รอการยืนยันตอบรับจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะเดินทางได้อีกครั้งวันที่ 10 มกราคม ซึ่งน.ส.ออย อ้างว่าวันนี้ (6 มกราคม) จะนำเอกสารวีซ่าทั้งหมดมา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ที่กองบังคับการปราบปราม แต่ล่าสุดก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งกลุ่มตนมองว่าพฤติกรรมของ น.ส.ออย เข้าข่ายหลอกลวง ทำให้ตัดสินใจยกเลิกไม่ไปทำงาน พร้อมขอเงินคืน อย่างไรก็ตาม น.ส.ออยอ้างว่านำเงินทั้งหมดโอนไปให้น.ส.ฟ้า ที่อ้างว่าทำงานในสถานทูตออสเตรเลียเช่นกัน ตั้งแต่เกิดเรื่อง กลุ่มตนไม่เคยพบตัวน.ส.ฟ้า เลยไม่ทราบว่าน.ส.ฟ้ามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่
ด้านน.ส.น้อย หนึ่งในผู้เสียหายวิดีโอคอลไปหานายนุ น้าของน.ส.ออย ผู้ก่อเหตุ ที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกด้วยเช่นกันว่า นายนุไปพักแถวบ้านน.ส.ออย เพราะเชื่อจนวินาทีสุดท้ายว่าพาสปอร์ตมีอยู่จริง และจะได้บินวันที่ 10 มกราคม แต่หลังจากทราบว่า น.ส.ออยขับรถออกจากบ้านพักย่านบางนาตั้งแต่เช้า นายนุจึงเข้าไปที่บ้านน.ส.ออย และพบว่าน.ส.ออย กับครอบครัวไม่อยู่แล้ว คิดว่าจะมาที่กองบังคับการปราบปรามพร้อมกัน แต่เกิดความสงสัยจึงเข้าไปในบ้านพบพาสปอร์ตกองอยู่จำนวนหนึ่ง จึงจะนำมาที่กองบังคับการปราบปรามวันนี้ สำหรับตัวของน.ส.ออยอยู่ที่ไหนนั้นตนไม่ทราบ โทรไปก็ไม่รับ ตนพึ่งมารู้จักน.ส.ออยตอนนำเอกสารมาให้เซ็นที่บ้าน และเดินเรื่องไปที่ออสเตรเลีย และเก็บค่าใช้จ่าย และพูดชักชวนกันปากต่อปาก จึงหลงเชื่อกันทุกคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี