วันที่ 7 มกราคม 2567 จากกรณี สังคมโซเชียล ประกาศตามหา น้องอลิซ หญิงสาววัย 26 ปี หายตัวไปนานกว่า6 วัน และมีการแจ้งกับเพื่อน ๆ ครั้งสุดท้ายว่า มีชาย 2 คน จี้รถแล้วพาตัวเธอไปที่ จ.ประจวบฯ ก่อนที่จะขาดการติดต่อไป ทำให้เพื่อนช่วยกันโพสต์ตามหา
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด จากเทศบาลตำบลหาดเจ้า สำราญ อ. เมืองเพชรบุรี ปรากฏภาพ เวลา 23.37 น. วันที่ 6 มกราคม 2568 พบรถยนต์ Mazda ของน้องอลิซ ขับมาจากทิศทางอำเภอเมืองเพชรบุรี ผ่านแยกวงเวียนหาดเจ้าสำราญ (วงเวียนปลาโลมา) มุ่งหน้าบริเวณชายหาดทะเลหาดเจ้าสำราญ เพียงคันเดียวโดยไม่มีรถจักรยานยนต์ ตามมาดั่งที่น้องอลิซกล่าวอ้างแต่อย่างใด
เวลา 23:39 วันที่ 6 มกราคม กล้องวงจรปิด บริเวณที่จอดรถชายหาดเจ้าสำราญจับภาพรถ Mazda ของน้องอลิซขึ้นไปจอดบริเวณช่องทางจอดรถริมชายหาด ดับเครื่องยนต์ไม่ได้ลงจากรถและไม่มีรถจักรยานยนต์ตามที่น้องอลิสกล่าวอ้างตามมาแต่อย่างใด
กระทั่งเวลา00:34 วันที่ 7 มกราคม ขณะที่น้องอลิศจอดรถยนต์มีชาย 2 คนขับขี่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาจอดบริเวณด้านข้างประตูฝั่งคนขับแต่ ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือให้ความสนใจกับรถน้องอลิซแต่อย่างใด โดยชายทั้ง 2 เดินลงไปที่บริเวณชายหาดคาดว่าเป็นชาวประมงที่จะมาจับปลา
น้องอลิสจอดรถที่บริเวณดังกล่าว นานประมาณ 55 นาทีโดยที่ไม่ได้ลงมาจากรถไม่ได้เปิดกระจกกระทั่ง เวลา 00:35 น้องอลิซ สตาร์ทรถแล้วถอยขับสวนทางเดิม มุ่งหน้าตรงมาบริเวณวงเวียนปลาโลมาด้วยความเร็วสูง และผ่านแยกวงเวียนปลาโลมา เวลามุ่งหน้าเข้าเมือง ไปพักที่มาถึง โรงแรมแห่งหนึ่งในเขต ต.บ้านหม้อ อ.เมืองเพชรบุรี จอดรถลงรถมาคนเดียว และคาดว่าจะโทรแจ้งให้เพื่อนทราบ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองมารับตัว ในเวลาต่อมา
ต่อมา ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "ในขณะที่อ้ออดหลับอดนอนประสานงานช่วยเหลือเคสน้องอลิซ ที่ จ.เพชรบุรี ได้มีสายปริศนาโทรมาต่อว่าอ้อ บอกให้อ้อเลิกยุ่งเลิกทำเคสนี้ เพราะเขากำลังทำอยู่ และขู่อ้ออีกว่า "อย่ามายุ่งกับเคสนี้ ระวังตัวไว้ให้ดี อย่าปากดี"
หลังสายนั้นวางไปอ้อได้แต่สงสัยว่าการที่อ้อเข้ามาช่วยเพราะความเป็นห่วงน้องผู้เสียหายมันไปทำให้ใครเดือดร้อน อ้อไม่เข้าใจจริงๆ ในขณะที่สายดังกล่าวนั้นโทรมาเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนนั่งอยู่กับอ้อด้วยหลายคน จากกรณีที่เกิดขึ้นทุกคนแนะนำให้อ้อแจ้งความไว้เพื่อรักษาสิทธิ์และปกป้องตัวเอง
อยากจะฝากโพสต์นี้ไปถึงคนที่อยู่ในสายนั้นว่าอ้อมีเจตนาที่จะเข้ามาช่วยเหลือน้องผู้เสียหายจริงๆ จนถึงเวลานี้ที่กำลังโพสต์ออกก็ยังไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพื่อรอติดตามและประสานงานช่วยเหลือให้จนสุดทาง อ้อไม่ได้โกรธคุณเลยแต่ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรทำไมถึงมาพูดแบบนี้กับอ้อ
หลักฐานที่เราได้มาไม่ได้มีแต่คำพูดแต่เราส่งทุกอย่างให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหมดแล้ว
หากเป้าหมายของเราคือการทำเพื่อคนอื่นจริงๆ มันจะไม่มีคำว่าเคสกูเคสมึงเคสใครเลยเพราะคนที่ได้ประโยชน์คือคนที่เราเข้าไปช่วยไม่ใช่ตัวเรา..
ขณะเดียวกันเวลา 13.00 น. น.ส.ชลิดา หรือต้นอ้อ พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ได้เข้าแจ้งลงบันทึกประจำวัน ต่อ พ.ต.ต.ปัญญาพล ศรีเมฆ สารวัตรเวร สภ.เมืองเพชรบุรี ว่าเมื่อเวลาประมาณ 8.45 น.วันนี้ขณะที่ตนกำลังเดินทางมาติดตามคดีน้องอลิซ ที่หายตัวไป ปรากฏว่า มีชายโทรศัพท์ข่มขู่ ว่า"มายุ่งกับเคสนี้ทำไม" "มายุ่งกับผู้เสียทำไม" "เอานักข่าวมาทำไม" เคสที่ทำอยู่ระวังไว้ให้ดี" จากนั้นได้วางสายไป
โดยคุณต้นอ้อ ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เนื่องจากเกรงว่าหากเกิดอันตรายต่อตนภายในภาคหน้าบุคคลที่โทรมาข่มขู่ดังกล่าวอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมได้นำคลิปหลักฐานการสนทนามาใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการแจ้งความ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายในภายภาคหน้า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดภาพวงจรปิด! จับโป๊ะ'น้องอลิซ' ขับรถมาคนเดียว ไม่มีชายคุมตัวตามที่อ้าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี