ที่ประชุมคณะกรรมการมรรยาททนายความสั่งลงโทษรุนแรง ลบชื่อทนายความออกจากทะเบียนทนายความแล้ว 18 คดี ห้ามว่าความ 3 ปี 19 คดี ห้ามว่าความ 2 ปี 9 คดี ห้ามว่าความ 1 ปี 19 คดี ห้ามว่าความ 6 เดือน 8 คดี ภาคทัณฑ์และว่ากล่าวตักเตือน รวม 29 คดี
วันที่ 7 มกราคม 68 สำนักงานคณะกรรมการมรรยาททนายความ สภาทนายความได้ประกาศ เรื่อง การพิจารณาคดีมรรยาททนายความ ระบุว่า ตามที่คณะกรรมการมรรยาททนายความ ได้ประชุมพิจารณาคดีมรรยาททนายความ ตามพ.ร.บ.ทนายความ พ.ศ.2528 และข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความฯ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ธ.ค.2567 นั้น ปรากฏผลการพิจารณาคดี จากทั้งหมด 362 คดี ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาลงโทษ โดยให้ลบชื่อทนายความ ออกจากทะเบียนทนายความ จำนวน 18 คดี ,ห้ามทำการเป็นทนายความ มีกำหนด 3 ปี จำนวน 19 คดี , ห้ามทำการเป็นทนายความมีกำหนด 2 ปี จำนวน 9 คดี ,ห้ามทำการเป็นทนายความมีกำหนด 1 ปี จำนวน 19 คดี ,ห้ามทำการเป็นทนายความมีกำหนด 6 เดือน จำนวน 8 คดี ,ภาคทัณฑ์ จำนวน 10 คดี และ งดโทษให้ โดยว่ากล่าวตักเตือน จำนวน 19 คดี
อย่างไรก็ตามขั้นตอนหลังจากผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการมรรยาททนายความแล้ว จะต้องส่งให้นายกสภาทนายความ เพื่อเสนอเข้าที่ประชุมกรรมการสภาทนายความเพื่อพิจารณาอีกครั้งว่าจะเห็นชอบหรือไม่ จากนั้นจึงส่งไปให้ประธานคณะกรรมการมรรยาททนายความ เพื่อแจ้งผลการพิจารณาลงโทษให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีที่ทนายความไปกระทำความผิดละเมิดต่อกฎหมายบ้านเมืองหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เป็นการกระทำอันขัดต่อมรรยาททนายความ ถือเป็นคดีมรรยาททนายความที่คณะกรรมการมรรยาททนายความสามารถรับพิจารณาได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ 1. ผู้เสียหายที่เป็นคู่กรณีกับทนายความคนดังกล่าว สามารถร้องเรียนสภาทนายความได้ 2. ทนายความด้วยกันร้องเรียนมาที่สภาทนายความ และ3. คณะกรรมการมรรยาททนายความเห็นว่ามีความผิดปรากฏขึ้นมา ก็สามารถยกนำเรื่องดังกล่าวมาสอบสวนและพิจารณาความผิดคดีมรรยาททนายความได้เอง
เมื่อคดีเข้าสู่คณะกรรมการมารยาททนายความแล้ว ก็จะมีการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนจะพิจารณาการลงโทษ ซึ่งมี 3 ระดับ ได้แก่ 1.ภาคทัณฑ์ 2.ห้ามการเป็นทนายความไม่เกิน 3 ปี, 2 ปี, 1 ปี หรือ 6 เดือน และ 3.ลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ โดยความหนักเบาของโทษนั้น ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง พฤติการณ์ และพยานหลักฐาน ในกรณีประพฤติผิดมรรยาททนายความเล็กน้อยและเป็นความผิดครั้งแรก อาจจะว่ากล่าวตักเตือนก็ได้
เมื่อคณะกรรมการมรรยาททนายความพิจารณาคำสั่งลงโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะต้องส่งคำสั่งดังกล่าวมาที่นายกสภาทนายความพร้อมสำนวน เพื่อที่จะเสนอให้คณะกรรมการสภาทนายความพิจารณากลั่นกรอง ว่าคำสั่งลงโทษดังกล่าวมีเหตุเหมาะสมต่อการลงโทษหรือไม่ และมีความหนักเบาของโทษประการใดแล้วหลังจากนั้นก็จะมีคำสั่งของคณะกรรมการสภาทนายความส่งให้ประธานคณะกรรมการมรรยาททนายความ เพื่อส่งคำสั่งดังกล่าวไปยังทนายความคู่กรณี ถ้าหากทนายความคู่กรณีไม่พอใจ สามารถอุทธรณ์คำสั่งต่อสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ ซึ่งก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ ถ้าผลการอุทธรณ์ยังไม่เป็นที่พึงพอใจ ก็สามารถยื่นศาลปกครองได้.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี