เหยื่อแห่แจ้งจับ

แก๊งตุ๋นให้ลงทุน

โควตาลอตเตอรี่

สูญนับร้อยล้าน

เหยื่อแห่แจ้งความกองปราบฯ จับแก๊งตุ๋นลงทุนโควตาหวย สูญนับร้อยล้านบาท ผู้เสียหายเผยหลงเชื่อเพราะเคยได้เงินจริง แต่ระยะหลังถูกอ้างธุรกิจประสบปัญหาจนติดต่อไม่ได้จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง

เมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) น.ส.ปุนยวี (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี นายธีระพงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี พร้อมผู้เสียหายอีก 2 ราย เข้าพบ พ.ต.อ.เริงศักดิ์ ชุ่มจิตติ์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป.เพื่อร้องขอความเป็นธรรม ภายหลังถูกนายไพโรจน์ (สงวนนามสกุล) กับพวก หลอกลงทุนสลากกินแบ่งรัฐบาล จนสูญเงินรวมกันกว่า 34 ล้านบาท โดยนำหลักฐานการโอนเงินและแชทสนทนาระหว่างกัน มามอบให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา

น.ส.ปุนยวี กล่าวว่า เมื่อปี 2564 มีผู้แนะนำให้รู้จักกับนายไพโรจน์ ก่อนจะถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนสลากฯ หรือลอตเตอรี่ โดยนายไพโรจน์อ้างว่ารู้จักผู้ใหญ่ที่ จ.เชียงราย และพะเยา ซึ่งมีโควต้าหวยจำนวนมาก ด้วยความเชื่อใจจึงตัดสินใจร่วมลงทุนด้วย ซึ่งช่วง 2-3เดือนแรก นายไพโรจน์สามารถจัดหาโควต้าลอตเตอรี่มาให้ได้จริง ก่อนที่ภายหลังจะบอกว่าให้ลงทุนแค่เงินอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนตัวลอตเตอรี่จะให้ทีมงานนำไปขายให้ โดยตนแค่รอรับเงินส่วนแบ่งกำไรจากการขายอย่างเดียวไม่ต้องทำอะไร

น.ส.ปุนยวี กล่าวต่อว่า ช่วงแรกเขาจ่ายเงินกำไรมาให้จริง กระทั่งเดือนสิงหาคม 2567 ก็เริ่มบ่ายเบี่ยง อ้างธุรกิจมีปัญหาบริหารจนขาดทุน ก่อนจะขาดหายการติดต่อจึงพยายามหาข้อมูลธุรกิจของนายไพโรจน์ จนพบว่าจำนวนลอตเตอรี่ที่เขาให้ลูกน้องนำไปขายตามสถานที่ต่างๆ นั้นไม่ได้มีมากพอ หรือสอดคล้องกับจำนวนเงินที่พวกตนร่วมลงทุน ซึ่งมากกว่าร้อยล้านบาท จึงเชื่อว่าถูกหลอก

“ดิฉันลงทุนไปแล้วกว่า 10 ล้านบาท ส่วนนายธีระพงค์ก็ลงทุนไปกว่า 18 ล้านบาท ขณะที่ผู้เสียหายรายอื่นส่วนใหญ่ก็ลงทุนกันตั้งแต่หลักล้านบาทขึ้นไป รวมแล้วมียอดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท” น.ส.ปุนยวี กล่าวและว่า ขณะนี้มีความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะต้องกู้หนี้ยืมสินมาลงทุนจนหมดตัว ก่อนหน้านี้เคยเข้าแจ้งความตำรวจท้องที่แล้ว แต่คดีกลับไม่คืบหน้าเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเชื่อว่ามีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อยู่เบื้องหลัง จึงตัดสินใจพากันเข้าร้องขอความเป็นธรรมที่บก.ป.” น.ส.ปุนยวี กล่าว

เบื้องต้น ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะตรวจสอบข้อเท็จจริง และส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป