รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชมข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น...เรื่องของไฟใต้ หรือความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดจากขบวนการแบ่งแยกดินแดนของบีอาร์เอ็น ที่ผ่านมาแล้ว 20 ปี แต่ยังไม่มีสัญญาณว่าจะสามารถยุติปัญหาของไฟใต้ได้ในปี 2570 อย่างที่ฝ่ายความมั่นคง มีการตั้งเป้าเอาไว้ เพราะสถานการณ์ในปี 2567 ที่เพิ่งจะผ่านไป ซึ่งมีการก่อการร้าย ในพื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นอย่างถี่ยิบ และงานการเมือง ของบีอาร์เอ็น ที่เข้มแข็งขึ้น รวมทั้งการขับเคลื่อนของเอ็นจีโอ ต่างชาติ และองค์กรต่างๆ จากประเทศมหาอำนาจ ที่ให้การหนุนหลัง ขบวนการบีอาร์เอ็น เป็นการบอกเหตุ ให้รับรู้ได้ว่าบีอาร์เอ็น ยังคงเดินหน้า ใช้ความรุนแรง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อไป ซึ่งล่าสุด พบว่ามีการวางยุทธศาสตร์ ในการต่อสู้กับรัฐบาลไทย ถึงปี 80 แล้ว
..... เรื่องของไฟใต้จึงยังเป็นปัญหา ที่เป็นเหมือนทศนิยม ที่ไม่รู้จบยิ่งได้ฟังนโยบายของรัฐบาล ผ่านทางภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเสนาบดีกระทรวงกลาโหมจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง นโยบายในการดับไฟใต้ โดยยังจะใช้นโยบายแบบเดิมๆ นั้นคือให้กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ดำเนินการโดยยึดสันติวิธี เป็นด้านหลัก และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ทำหน้าที่ด้านการพัฒนา ซึ่งนโยบายนี้ เป็น นโยบาย ที่ล้มเหลว มาตลอด 20 ปี ที่ผ่านมาดังนั้นเมื่อรัฐบาลยังเดินตามนโยบาย ที่เก่าๆ เดิมๆ โดยที่ไม่มีอะไรที่ใหม่กว่า ก็เท่ากับเดินไปสู่ความล้มเหลว และเดินไปตามเกม ที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น เป็นผู้กำหนดเอาไว้แล้วนั้นเอง
.....ดังนั้นการที่ทักษิณ ชินวัตร ต้องออกโรง เดินทางไปพบกับอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย บนเรือยอชต์ ในน่านน้ำสากล ระหว่างไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา เบี้องหน้า ของข่าวสาร ที่ออกมาสู่สังคม คือเรื่องของการจับมือกับมาเลเซีย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสังคม และการเมืองในประเทศกลุ่มอาเซียน ในฐานะ ที่ อันวา อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย จะเป็นประธานอาเซียน และทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาของอันวาร์อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย แต่เบื้องลึก ของการหารือ ระหว่างคนทั้งสอง คือเรื่องของไฟใต้ ที่ลึกๆ ลงไป ทักษิณ ชินวัตร กำลังเข้ามามีบทบาท ในการวางนโยบายในการดับไฟใต้ โดยผ่านการร่วมมือ จาก อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย เพราะทักษิณ ชินวัตร ก็รับรู้เหมือนกับผู้ที่เชี่ยวชาญ ในเรื่องของไฟใต้ รับรู้ว่าการแก้ปัญหาของไฟใต้ ถ้าต้องการเห็นความสำเร็จ ต้องมาจาก ผู้นำประเทศของมาเลเซีย ต้องให้ความร่วมมือ
.....อย่าลืมว่าความรุนแรงของไฟใต้ระลอกใหม่ปะทุขึ้นในยุคที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และการเริ่มมีการตกลง กับขบวนการแบ่งแยกดินแดนทุกกลุ่ม เพื่อเปิดการเจรจาเพื่อหาทางยุติความขัดแย้ง เกิดขึ้นในขณะที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาว ของทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ของการเจรจาสันติภาพ ในครั้งนั้น แต่ยังไม่สำเร็จเนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามายึดอำนาจ จากรัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเข้ามาดำเนินการในการสานต่อการเจรจาสันติภาพ เป็นการพูดคุยสันติสุข ที่ 9 ปี ของการเป็นนายกรัฐมนตรี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความก้าวหน้าของการพูดคุย ของทั้งสองฝ่าย เป็นเพียงการพบปะ สร้างความเข้าใจ แต่ไม่มีผลสำเร็จ ถ้าเป็นการทำศึกสงคราม เป็นเพียงการขี่ม้าเลียบค่าย โดยไม่มีการประดาบเกิดขึ้น
.....ดังนั้น สิ่งที่ต้องจับตามอง ถึงความก้าวหน้าของการแก้ปัญหาไฟใต้ จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ว่าทักษิณ ชินวัตร จะให้นโยบาย ในการดับไฟใต้ กับ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ภูมิธรรม เวชยชัย เสนาบดีกระทรวงกลาโหม อย่างไรกับการเจรจาสันติภาพ ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนชื่อจากการพูดคุยสันติสุข ในยุคของลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการเจรจาสันภาพ เพื่อสันติสุข....ที่บ้านไทยจังโหลด หรือด่านนอก ยังคงมีการลักลอบเปิดบ่อนการพนันขนาดใหญ่ มีนักพนันจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลย์และคนไทยเข้าไปเล่นการพนันกันอย่างเสรี ก็ไม่ทราบว่า ตำรวจสะเดาจะทราบหรือไม่ เห็นมีเปิดกันหลายบ่อน..ส่วนน้ำมันเถื่อน ก็ยังคงลอบขนน้ำมันเถื่อนโดยใช้ทั้งรถกระบะ รถเก๋ง ดัดแปลงถังลับ รวมไปถึงรถหัวลากทำถังน้ำมันลับไว้บรรจุน้ำมัน ขนเข้ามาทางด่านสะเดา นี่ก็ไม่ทราบว่าท่านศุลกากรสะเดา จะทราบหรือไม่ เพราะมีน้ำมันเถื่อนทะลักเข้าไทยวันละไม่รู้กี่แสนลิตร ทำให้รัฐสูญเสียภาษีการนำเข้าน้ำมันเถื่อนเดือนละหลายๆ ล้าน.....
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี