‘รองโฆษก ปปง.’ชี้กรณีอายัดทรัพย์‘บอสมิน-บอสแซม’ต้องไปพิสูจน์ทรัพย์ในศาลแพ่งว่าไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดคดี‘ดิไอคอน’ พร้อมระบุผู้เสียหายยังยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิได้ถึง 17 ก.พ.68
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 9 ม.ค.68 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) น.ส.สุปราณี สถิตชัยเจริญ ผู้อำนวยการกองความร่วมมือและพัฒนามาตรฐาน ในฐานะรองโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. เปิดเผยถึงกรณีที่เลขาธิการ ปปง.ใช้อำนาจของเลขาธิการ ปปง. ออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย แต่ต่อมาพนักงานอัยการคดีพิเศษได้รับสำนวนจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และมีคำสั่งไม่ฟ้อง น.ส.พีชญา และนายยุรนันท์ 2 ผู้ต้องหา แต่ทรัพย์สินถูก ปปง. ยึดและอายัดไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
น.ส.สุปราณี กล่าวว่า ต้องแบ่งเป็น 2 กรณี คือ คดีอาญาและคดีแพ่ง ซึ่งพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา ส่วนคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สิน จะแยกจากกัน และไม่ตัดสิทธิ์บุคคลที่เคยถูกดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน ซึ่งบุคคลสามารถยื่นคำร้องโต้แย้งทรัพย์ในชั้นศาลแพ่งได้ ทั้งนี้ ให้แยกประเด็นกันว่าการไม่สั่งฟ้องทางคดีอาญากับเรื่องการยึดอายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่นั้น จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันข้อเท็จจริงอีกครั้ง
เมื่อถามว่าทาง ปปง. ต้องนำความเห็นของอัยการคดีพิเศษ มาตรวจสอบว่าเหตุใดจึงสั่งไม่ฟ้องทั้ง น.ส.พีชญา และนายยุรนนท์ หรือไม่นั้น น.ส.สุปราณี กล่าวว่า ในกระบวนการของ ปปง. สิ้นสุดการยึดและอายัดทรัพย์เสร็จสิ้นแล้ว และได้ส่งสำนวนรายการทรัพย์สินไปทางพนักงานอัยการ เพื่อเสนอขอให้ศาลมีคำสั่งชดใช้เฉลี่ยคืนแล้ว
“ดังนั้นหากโต้แย้งเรื่องการยึดอายัดทรัพย์ ทั้งคู่ก็ต้องไปดำเนินการต่อในชั้นศาลแพ่ง โดย มิน-แซม ต้องแย้งทางศาลแพ่งว่าทรัพย์ไม่ได้มาจากการกระทำผิด หรือเชื่อมโยงกับธุรกิจดิไอคอนกรุ๊ป แต่อย่างใด” น.ส.สุปราณี กล่าว
เมื่อถามว่ามีผลกระทบหรือไม่ หาก ปปง. ยึดทรัพย์ผู้ต้องหามาก่อนและต่อมาปรากฏว่าอัยการไม่สั่งฟ้อง น.ส.สุปราณี กล่าวว่า ปปง. ยึดตามกรอบกฎหมาย เพราะมาตรการปราบปรามการฟอกเงินเป็นตามหลักสากลเพื่อดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ไว้ก่อน ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายรุนแรงมาก กว่านี้ รวมถึงผลักภาระการพิสูจน์ไปให้ที่คนเป็นเจ้าของทรัพย์มาชี้แจงว่าทรัพย์ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอย่างไร ซึ่งต่างจากกระบวนการทางอาญา เพราะคดีอาญา เจ้าหน้าที่จะต้องพิสูจน์ แต่มาตรการยึดทรัพย์ทางแพ่งเป็นตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่ง ปปง. ทำอย่างโปร่งใสเป็นธรรม สุจริตและตรวจสอบได้
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้ที่บุคคลดังกล่าวอาจไม่มีความผิดทางอาญา แต่อาจถูกยึดทรัพย์ตามมาตรการทางแพ่ง ถ้าหากเชื่อได้ว่าทรัพย์สินนั้นมาจากการกระทำ ความผิดหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดใช่หรือไม่ น.ส.สุปราณี อธิบายว่า หลายคดีพบว่าไม่กระทำผิดทางอาญา แต่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ที่ได้มาจากกระทำความผิด เช่น คดียาเสพติด มีคนได้รับทรัพย์จากคดียาเสพติดและถูกตามยึดอายัดทรัพย์ แต่ไม่ได้ถูกสั่งฟ้องเรื่องการค้ายา เราจึงต้องยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรอาชญากรรมไม่ให้มีท่อน้ำเลี้ยงดำเนินการทางการเงินได้
น.ส.สุปราณี เผยด้วยว่า ตามหลักการกฎหมายฟอกเงิน ผู้เสียหายที่ประสงค์จะเข้ารับการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย สามารถยื่นคำร้องมาได้ แต่ต้องแสดงหลักฐานตนให้ชัดเจน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หรือกรณีมอบบุคคลอื่นมาก็ต้องมีใบมอบอำนาจ พยานหลักฐานเส้นทางการเงินว่ามีความเสียหายจำนวนเท่าไร เอกสารการแจ้งความ หรือพฤติการณ์ทางคดีว่าเกิดความเสียหาย เพื่อยืนยันเป็นผู้เสียหาย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการตรวจสอบค่อนข้างยุ่งยากเนื่องจากคดีดิไอคอนฯ มีความเสียหายเป็นวงกว้าง และข้อมูลพยานหลักฐานค่อนข้างเยอะ จึงต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูล โดยสามารถยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิ์ผู้เสียหายได้จนถึงวันที่ 17 ก.พ.68
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในรายคดีบริษัทดิไอคอน กรุ๊ปจำกัด กับพวก ปปง. ได้มีมติให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ตามคำสั่งที่ ย.214/2567 ย. 222/2567 ย.223/2567 ย.224/2567 และ ย.225/2567 รวมจำนวน 103 รายการ มูลค่าประมาณ 286 ล้านบาท และมีมติให้เพิกถอนการยึดอายัดทรัพย์สินจำนวน 40 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 29 ล้านบาท เนื่องจากได้มีผู้มีส่วนได้เสียสามารถแสดงหลักฐานว่าเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกดำเนินการไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพราะชี้แจงได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาก่อนจะเข้ามาในกระบวนการของบริษัทฯ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี