‘มาดามอ้อย’หอบเอกสารหลักฐานการโอนเงิน สำเนาแคชเชียร์เช็ค ปมคดี‘ทนายตั้ม’โกงเงิน 71 ล้านบาท เข้ายื่น‘ปปง.’ขอรับการคุ้ม ครองสิทธิผู้เสียหาย หลังมีการประกาศลงราชกิจจาฯกรณีคดีฉ้อโกงประชาชน ขอจับตารอดูการสั่งฟ้องคดีไปยังชั้นศาล ด้าน‘รองโฆษก ปปง.’ชี้บ้านหรูของ‘ตั้ม’ที่ถูกยึด ห้ามบุคคลภายนอกเข้าใช้
9 มกราคม 2568 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.) น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ “มาดามอ้อย” พร้อมด้วย ทนายสมชาติ พินิจอักษร เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ ปปง. เพื่อยื่นคำร้องและพยานเอกสาร ขอรับการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในรายคดีนายษิทรา หรือทนายตั้ม กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดฐานฟอกเงิน โดยมีเหตุที่อันควรเชื่อได้ว่ามีการโอน ยักย้าย ปกปิดหรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด 3 รายการ เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมมูลค่าประมาณ 71 ล้านบาทนั้น โดยมี น.ส.สุปราณี สถิตชัยเจริญ ผู้อำนวยการกองความร่วมมือและพัฒนามาตรฐาน ในฐานะรองโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. เป็นตัวแทนรับเรื่อง
นายสมชาติ กล่าวว่า วันนี้ น.ส.จตุพร มายื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย จำนวน 71 ล้านบาท ตามที่ได้มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาไปก่อนหน้านี้ ส่วนมีความกังวลเรื่องทรัพย์สินหรือไม่นั้น เพราะมีมูลค่ากว่า 71 ล้านบาท ตนก็ว่าเอาเท่าที่สำนัก งาน ปปง.จะตรวจสอบทรัพย์สิน และได้ยึดอายัดไว้เท่าไรก็เท่านั้น สำหรับวันนี้เราก็ต้องขอบคุณสำนักงาน ปปง. ในส่วนทางแพ่ง การดำเนินการมาตรการทรัพย์สินต่างๆ ส่วนคดีอาญาก็เป็นส่วนของตำรวจและอัยการที่ควบคู่ขนานกันไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตัว เลขอื่นอย่างจำนวน 39 ล้านบาท ก็คงจะตามมา ดังนั้น ด้วยทั้งหมดที่อยู่ในคดีมูลฐานความผิดทางอาญาที่เกี่ยวข้องก็คงต้องให้ ปปง.ดำเนิน การต่อไปในเรื่องทรัพย์สิน
นายสมชาติ กล่าวอีกว่า จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องกับมาดามอ้อย หลัก ๆ คือเงินจำนวน 71 ล้านบาท เงินจำนวน 39 ล้านบาท รถเบนซ์มูลค่า 11 ล้านบาทเศษ และอีก 9 ล้านบาท ส่วนการเข้าให้ปากคำกับพนักงานอัยการที่ผ่านมานั้น ทางสำนักงานอัยการที่ดูแลคดีนอกราชอาณาจักร ก็มีการสอบสวนปากคำเพิ่มเติมในประเด็นนอกราชอาณา จักร ซึ่งจริงๆก็เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานอัยการอยู่แล้ว ส่วนประเด็นที่พูดคุยนั้น มันมีส่วนใดส่วนหนึ่งที่มีการกระทำความผิดสัมพันธ์กันระหว่างคดีในราชอาณา จักรและนอกราชอาณาจักร ซึ่งเป็นอำนาจของอัยการ รวมทั้งเรื่องการทำสัญญาและเรื่องเส้นทางการเงินต่างๆเข้าไปด้วย
นายสมชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับพยานเอกสารที่เรานำมายื่นให้กับ ปปง. เพื่อขอรับการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย มีทั้งใบโอนเงินของธนาคาร หรือสำเนาแคชเชียร์เช็คในส่วนของ 39 ล้านบาท รวมถึงใบร้องทุกข์กล่าวโทษ และหลักฐานทางการเงิน ส่วนการระบุพฤติ การณ์ของผู้กระทำความผิดนั้น มันอยู่ในสำนวนการสอบสวนของตำรวจอยู่แล้ว ตนเชื่อว่าตำรวจคงได้สำเนาให้กับทาง ปปง. เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าจนถึงตอนนี้เราไม่มีข้อกังวลใจอะไรเลย
เมื่อถามว่าทนายตั้มยังไม่ได้รับการประกันตัวยังคงอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯนั้น นายสมชาติ กล่าวว่า ก็ตามข่าว เขายังอยู่ในเรือนจำฯ ส่วนจะอยากให้เจ้าตัวได้เอ่ยอะไรหรือไม่นั้น ตนเชื่อว่ามันอยู่ที่กระบวนการการคิดของเขาว่าเขาจะคิดและพิจารณาอย่างไร ส่วนถ้าทนายตั้มอยากขอขมามาดามอ้อย อันนี้ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องสามัญสำนึกของแต่ละบุคคล คงไม่ก้าวล่วงเขา ส่วนถ้าหากหลังจากนั้น จะอยากคุยหรือไกล่เกลี่ยต้องไปคุยกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แทนหรือไม่นั้น ตนตอบแทนไม่ได้
ขณะที่ มาดามอ้อย กล่าวว่า ตนรู้สึกดีและมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ รู้สึกสบายใจขึ้น ไม่เครียดไม่ซีเรียสอะไร ส่วนถ้าทนายตั้มจะอยากมาขอขมา ตนขอย้ำว่าไม่ขอไกล่เกลี่ย ไม่คุยอะไรทั้งสิ้น เพราะตนได้เคยให้โอกาสเขาไปแล้ว ส่วนถ้าหลังจากนี้จะมีคนเข้าหาตนในลักษณะเช่นนั้นอีก การระวังตัวจะมากขึ้นหรือไม่นั้น เรื่องนี้ตนระวังเยอะมากขึ้นเลย ระวังอย่างถึงที่สุด หากใครมาขอยืมเงินหรือมาเชิญให้ร่วมลงทุนอะไร ตอนนี้ตนทำธุรกิจแค่กับครอบครัว ทั้งนี้ หลังจากนี้คงเดินทางไปพักผ่อน ไม่ต้องเข้าให้การอะไรกับตำรวจอีกแล้ว เพราะได้ให้การไปหมดแล้ว
ส่วนสาเหตุว่าทำไมยังอยู่ไทยต่ออีก 2 เดือนนั้น มาดามอ้อย ระบุว่า จริง ๆ ตนมีแพลนจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ก็เลยอยู่ที่นี่รอดูเหตุการณ์ด้วย และรอดูว่าคดีจะเป็นอย่างไรบ้าง หรือทางตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) จะมีเรียกสอบอะไรเพิ่มหรือไม่ เพราะจำได้ว่าอาจจะมีเรียกสอบอีกทีในช่วงเดือน ม.ค.นี้ เลยอยู่ต่อไปก่อน หากมีการเรียกสอบเพิ่มเติมจุดไหนที่ต้องแก้ไข เราก็จะได้ให้ความร่วมมือ และเมื่อถามว่าจะรออยู่ไทย เพื่อดูจนถึงขั้นส่งฟ้องศาลเลยหรือไม่นั้น มาดามอ้อย ระบุว่า ใช่ค่ะ ทั้งนี้ จนถึงวันนี้ทางฝั่งทนายตั้มยังไม่ได้ส่งคนมาพูดคุยอะไรกับตน เงียบผิดปกติ ส่วนเขาจะคิดอะไรไหมนั้น ตนไม่ทราบ ตนแค่จะดำเนินการให้ถึงที่สุด ไปสุดซอย
ด้าน น.ส.สุปราณี กล่าวว่า คดีของคุณอ้อยตอนนี้อยู่ในกระบวนการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ซึ่งทางคุณอ้อยและทนายจะได้ยื่นข้อมูล พยานหลักฐาน เอกสารทั้งหมดแก่เจ้าหน้าที่ ปปง. จากนั้นเจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมเรื่องและประมวลเรื่องเสนอคณะกรรมการธุรกรรม เพื่อส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการต่อไป ส่วนกระบวนการการได้เงินคืนนั้น ต้องรอกระบวนการทางศาลแพ่งให้เสร็จสิ้น หากไม่มีการโต้แย้ง กระบวนการก็น่าจะเสร็จเร็วขึ้น นอกจากนี้ คำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินของทนายตั้มและพวก ยังคงมีเพียงจำนวน 71 ล้านบาท ส่วนถ้าหากหลังจากนี้ ปปง. สามารถยึดและอายัดจำนวนทรัพย์สินอื่นได้อีก หรือหากมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินอื่น ก็จะเข้าสู่กระบวนการเดิม จะมีการประกาศคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ขอให้คุณอ้อยเข้ายื่นคำร้องดังเดิมในคำสั่งนั้น ๆ
ส่วนสาเหตุว่าทำไมคดีฉ้อโกงจึงเป็นภารกิจงานของสำนักงาน ปปง. ที่จะต้องยึดและอายัดทรัพย์สิน เพื่อเฉลี่ยชดใช้คืนผู้เสียหายนั้น น.ส.สุปราณี แจงว่า เป็นภารกิจที่รัฐบาล นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรมเวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงาน ปปง. รวมถึงเลขาธิการ ปปง. ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของความเสียหายของประชาชน ว่า ปปง. ไม่ได้นิ่งนอนใจเลย พยายามที่จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของ ปปง. ที่จะติดตามทรัพย์สินที่ผู้เสียหายถูกหลอกลวงนำกลับมาคืนได้ ซึ่งกระบวนการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ถือเป็นกระบวนการที่จะช่วยเยียวยาความเสียหายแก่ผู้เสียหายได้มากที่สุด ทั้งพยายามรวบรวมทรัพย์สิน ติดตามเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำกระ ทำผิด และมีการประกาศลงราชกิจจาฯ ซึ่งตามกระบวนการแล้วเมื่อไรก็ตามที่มีการประกาศลงราชกิจจาฯ ผู้เสียหายมีระยะเวลาทั้งสิ้น 90 วัน ในการยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายผ่าน 3 ช่องทาง คือ ยื่นด้วยตัวเองที่สำนักงาน ปปง. โดยยื่นส่งผ่านไปรษณีย์มายังสำนักงาน ปปง. หรือยื่นเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ บนเว็บไซต์ของสำนักงาน ปปง.
น.ส.สุปราณี กล่าวต่อว่า สำหรับคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินของทนายตั้มและพวก ที่ ปปง. ได้มีคำสั่งออกไปก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ธ.ค.67 มีทั้งสิ้น 3 รายการ เป็นบ้าน และเงินในบัญชีสองรายการ รวมประมาณ 71 ล้านบาท ส่วนรายการทรัพย์สินอื่น ๆ นั้น ปปง. อยู่ระหว่างบูรณาการกับตำรวจสอบสวนกลาง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ กรณีบ้านหรูของทนายตั้มได้ถูกคำสั่งยึดและอายัดไปอยู่นั้น เมื่อมีมติยึดแล้ว ตามหลักการผู้อื่นที่เป็นบุคคลภายนอกก็ไม่สามารถเข้าไปใช้ทรัพย์สินดังกล่าวได้ ส่วนถ้าเป็นผู้พักอาศัยเดิม หรือมีสิทธิ์อยู่ในบ้านหลังดังกล่าว อาจจะต้องมีการทำคำร้องมาที่สำนักงาน ปปง. ในการขอใช้ทรัพย์ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าทรัพย์ดังกล่าวนั้นตกเป็นของแผ่นดิน หรือศาลมีคำสั่งให้ชดใช้คืนให้กับผู้เสียหาย อย่างไรก็ตาม จวบจนวันนี้ ตนยังไม่ได้รับข้อมูลว่าทนายตั้มและพวก ได้มีการชี้แจงเรื่องการได้มาซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวแต่อย่างใด
น.ส.สุปราณี กล่าวปิดท้ายว่า ตามกฎหมายฟอกเงินของ ปปง. สามารถดำเนินการกับทรัพย์สินนั้นได้เลยหากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าทรัพย์ดังกล่าวนั้นเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ที่ได้มาจากการกระทำความผิดในมูลฐาน ซึ่งในกรณีของคุณอ้อย คือ เรื่องของการฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ซึ่งเข้าความผิดฐานที่ ปปง. สามารถดำเนินการกับทรัพย์สินได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี