‘ผู้การจ๋อ’ยันใช้เวลา 2 สัปดาห์-1 เดือน ขอส่งตัว‘จ่าเอ็ม’มือยิงดับอดีตสส.กัมพูชา กลับมาดำเนินคดีในไทย พร้อมเร่งประสานตำรวจสากลจับ‘คนชี้เป้า’ ขยายผลผู้ร่วมขบวนการที่เหลือเพิ่มเติม
9 มกราคม 2568 ความคืบหน้ากรณีนายลิม กิมยา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกนายเอกลักษณ์ หรือ “จ่าเอ็ม” อายุ 41 ปี อดีตทหารเรือยิงเสียชีวิต บริเวณเกาะกลางถนนตรงข้ามวัดบวรนิเวศ ก่อนที่ชุดสืบสวนนครบาล สืบสวนภาค 2 และกองปราบปราม ประสานตำรวจกัมพูชาจับกุม “จ่าเอ็ม” ภายหลังก่อเหตุหลบหนีข้ามประเทศไปในพื้นที่ จ.พระตะบอง และจะประสานนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยต่อไปนั้น
ล่าสุดที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าทางคดี ว่า ขณะนี้ “จ่าเอ็ม” อยู่ในขั้นตอนทางกฎหมายของทางการกัมพูชา เนื่องจากเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จึงต้องดำเนินคดีที่กัมพูชาก่อน แต่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้ทำหนังสือทางการทูต เพื่อขอให้ส่งตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อที่ไทยแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจไทยเป็นคนไปประสานงานกับตำรวจกัมพูชา และร่วมกันไล่ล่าติดตามตัวมาด้วยกัน โดย “จ่าเอ็ม” ใช้เส้นทางจังหวัดชลบุรี และจันทบุรี เป็นทางผ่าน และมีวิธีหลอกตบตาเจ้าหน้าที่สืบสวน ก่อนจะเดินทางออกทางชายแดนจังหวัดสระแก้ว เข้าไปยังกัมพูชา ซึ่งตำรวจจับกุมขณะที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่พระตะบอง และไม่พบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ พบเพียงบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรข้าราชการ ส่วนรายละเอียดตำรวจไทยยังไม่ได้สอบปากคำ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าสาเหตุใด “จ่าเอ็ม” ถึงหลบหนีไปกัมพูชา และต้องรอส่งตัวกลับมาสอบปากคำก่อน
ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ในส่วนของอาวุธปืน ได้เรียกตำรวจที่รับจำนำปืนของ “จ่าเอ็ม” มาสอบปากคำแล้ว เบื้องต้นยอมรับว่ารับจำนำปืนไว้จริง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบสังหารที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับโชเฟอร์แท็กซี่สีเขียวเหลือง ก็ได้เชิญมาสอบปากคำแล้วเช่นกัน ยืนยันว่าไม่รู้จักกันมาก่อน และไม่เกี่ยวข้องกับคดี คนร้ายเพียงมาว่าจ้างให้ไปส่งเท่านั้น
“ยืนยันว่าจะติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการ หรือช่วยเหลือให้การสนับสนุนเพิ่มเติมด้วย โดยเฉพาะคนชี้เป้าที่มีหลักฐานชัดเจนว่าเข้ามาพร้อมกับผู้เสียชีวิต และมีพิรุธ เพราะอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ มีการเดินวนดูลาดเลาหลายครั้ง รวมถึงหลังเกิดเหตุได้หลบหนีออกนอกประเทศผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิทันที และเชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการสัญชาติเดียวกันอีก โดยตำรวจขอเวลาทำงานสักระยะ และตอนนี้ได้ออกหมายจับไทยแล้ว ขั้นตอนต่อไปอยู่ระหว่างประสานตำรวจสากล ขอออกหมายแดง เพื่อติดตามตัวนำผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศมาดำเนินคดี ส่วนผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเกรงว่าคนร้ายจะไหวตัวทัน” ผบก.สส.บช.น. กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี