"สมศักดิ์"ประชุม สธ.ด่วน รับมือฝุ่น PM 2.5 พบ 14 จังหวัดฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน วาง 4 มาตรการรับมือ เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง"เด็ก-หญิงตั้งครรภ์-ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยโรคหัวใจ" พร้อมจัดทีมแพทย์ลงพื้นที่ชุมชน แนะสังเกตอาการตัวเอง หากไอบ่อย แน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน ควรพบแพทย์ แนะใส่หน้ากาก-งดกิจกรรมกลางแจ้ง เตรียมแจกมุ้ง-หน้ากากอนามัยสู้ฝุ่น
เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมทางไกลติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขทุกจังหวัด เข้าร่วมประชุม ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นการประชุม เพื่อติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่มีแน้วโน้มสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข ก็ต้องมีความพร้อมในการดูแลสุขภาพของประชาชน โดยให้สาธารณสุขทุกจังหวัด สถานพยาบาล เตรียมความพร้อมป้องกันกลุ่มเสี่ยงตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพราะจากข้อมูล พบว่า ระหว่างวันที่ 11 ต.ค.67 - 9 ม.ค.68 มี 53 จังหวัด ที่ฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน และมีถึง 14 จังหวัด ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยสถานการณ์มีแนวโน้มเกินมาตรฐานไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค.68
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมความพร้อมช่วยเหลือประชาชน ทั้ง ห้องปลอดฝุ่น จำนวน 4,700 ห้อง ใน 56 จังหวัด ซึ่งอยู่ในสถานบริการ สธ. 3,009 ห้อง ศูนย์พัฒนาด็ก/โรงเรียน 858 ห้อง อาคารสำนักงาน 457 ห้อง และร้านอาหาร 376 ห้อง รวมถึงเตรียมความพร้อม มุ้งสู้ฝุ่น นวัตกรรมที่ลดปริมาณฝุ่น ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงพื้นที่ปลอดฝุ่นภายในบ้าน โดยเฉพาะผู้ป่วยติดบ้าน ติดเตียง ซึ่งขณะนี้ มีมุ้งสู้ฝุ่น 1,338 ชุด ใน 34 จังหวัด
"กระทรวงสาธารณสุข ยังมีข้อเสนอเพื่อดำเนินการ คือ กิจกรรมแจกหน้ากากอนามัยให้กลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ประกอบอาชีพกลางแจ้ง อสม. กิจกรรมแจกมุ้งสู้ฝุ่น พร้อมหน้ากากอนามัย รณรงค์สร้างความรอบรู้ ในการดูแลสุขภาพจากมลภาวะทางอากาศ ส่วนการเฝ้าระวังโรคที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 คือ กลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรคหัวใจหลอดเลือด กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ และกลุ่มโรคตาอักเสบ ซึ่งจะมีการคัดกรองสุขภาพเชิงรุกในชุมชนที่พบฝุ่นเกินค่ามาตรฐานด้วย ทั้งนี้ ผมขอเน้นย้ำ 4 มาตรการหลัก คือ 1.สร้างความรอบรู้และส่งเสริมองค์กรลดมลพิษ พร้อมประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้และแจ้งเตือน รวมถึงนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการสื่อสารให้ความรู้และแจ้งเตือน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคหัวใจ และโรคระบบทางเดินหายใจ ให้เข้าถึงมากยิ่งขึ้น 2.ลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ โดยป้องกันกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง ซึ่งกำหนดมาตรการ Work From Home และงดกิจกรรมกลางแจ้ง 3.จัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยจัดทีมปฏิบัติการดูแลสุขภาพกลุ่มเสี่ยงในชุมชน และ 4.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ โดยยกระดับศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์ (PHEOC) และสาธารณสุข ให้ตอบสนองทันท่วงที" รมว.สาธารณสุข กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผลกระทบต่อสุขภาพหากได้รับ PM 2.5 จะมีตั้งแต่อาการเล็กน้อย คือ ไอ จาม ระคายเคืองผิวหนัง ผื่น คัน แสบตา ตาแดง จนทำให้ปอดอักเสบ โดยหากได้รับในระยะยาว จะส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินหายใจ และถึงขั้นเป็นมะเร็งได้ ซึ่งกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคระบบทางเดินหายใจ จะมีความเสี่ยงมากกว่าประชาชนทั่วไป โดยในช่วงที่มีค่า PM 2.5 เกินมาตรฐาน ก็ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ดูแลป้องกันตัวเอง ดังนี้ 1.ติดตามสถานการณ์ PM 2.5 และปฏิบัติตามข้อแนะนำ 2.สังเกตอาการ เฝ้าระวังตัวเอง ถ้ามีอาการไอบ่อย แน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน ควรพบแพทย์ 3.ช่วงที่มีค่าฝุ่นสูงควรอยู่ในอาคาร ลดหรืองดกิจกรรมนอกบ้าน 4.ถ้าจำเป็นต้องไปในพื้นที่ฝุ่นสูง ควรใส่หน้ากากป้องกันฝุ่น 5.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง 6.พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่นน้ำสะอาดให้มาก 7.ผู้มีโรคประจำตัวควรสำรองยาให้พร้อม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 8.กลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง ที่มีอาการผิดปกติควรอยู่ในห้องปลอดฝุ่น และ 9.รักษาสภาพแวดล้อมในบ้านให้สะอาด ทำความสะอาด ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดถูบ่อยๆ ไม่เผาขยะ ลดการจุดธูป และกิจกรรมอื่นที่สร้างฝุ่นเพิ่ม
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ปัจจุบันฝุ่น PM 2.5 ได้เกินค่ามาตรฐาน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ดังนั้น เมื่อค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน กระทรวงสาธารณสุข ก็ต้องดูแลสุขภาพในประชาชนกลุ่มเสี่ยง โดยจากตัวเลขสถิติของกรมควบคุมโรค มีผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ช่วง 1 ต.ค.66 - 31 ธ.ค.67 จำนวน 1,048,015 ราย แต่ป่วยจากการสัมผัสฝุ่นแน่นอน เพียง 28 ราย ซึ่งจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข ก็จะเน้นดูแลกลุ่มเปราะบาง พร้อมดำเนินการสื่อสารแจ้งเตือนประชาชน ด้วยกลไล อสม. อสส. และเปิดห้องปลอดฝุ่น มุ้งสู้ฝุ่น โดยกรมอนามัย จะดำเนินการให้กับประชาชน ซึ่งหากพบมีประชาชนเสี่ยง ก็จะมอบมุ้งสู้ฝุ่นให้ นอกจากนี้ ตนได้เน้นย้ำให้ กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการตามแนวทาง 4 มาตรการ และสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันในกลุ่มเสี่ยง
เมื่อถามว่า ค่าฝุ่น PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้น แต่หลายคนยังไม่ตระหนัก จะให้คำแนะนำอย่างไร แพทย์หญิงอัมพร กล่าวว่า ประชาชน ควรติดตามสภาพอากาศ จะได้ประเมินร่างกาย โดยของกรมอนามัย ได้มีแบบประเมินสุขภาพ หากพบมีความระคายเคือง แสบตา หรือ มีอาการผิดปกติ ก็ต้องพบหมอ รวมถึงควรเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และควรสวมใส่หน้ากากอนามัยด้วย
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีเอนเทอโรไวรัสว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น ผลแลปยังไม่ออก โดยเอนเทอโรไวรัส เป็นกลุ่มโรคมือเท้าปาก ซึ่งจะมีตุ่ม โดยโรคเกิดจากความแออัด ระบบถ่ายเทอากาศไม่ดี ซึ่งส่วนใหญ่ จะเกิดในเด็ก ส่วนวิธีป้องกัน คือ กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี