สสจ.กาญจน์ห่วงใย ปชช.แนะชาวกาญจน์ หยุดเผา ป้องกันอันตรายต่อสุขภาพจากฝุ่นพิษ PM 2.5
วันนี้ (9 ม.ค.68) นายแพทย์ธีรพจน์ ฟักน้อย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า วันนี้ตนได้มอบหมายให้นายรังสีมันต์ ทองสวัสดิ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานการอบรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการสื่อสารสุขภาพจังหวัดกาญจนบุรี ประจำปี 2568 เพื่อสื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุก สร้างความรอบรู้ในการเฝ้าระวังสุขภาพจากฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5
ซึ่งสถานการณ์ฝุ่นละละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ของจังหวัดกาญจนบุรี มีแนวโน้มสูงเกินค่ามาตรฐานในช่วงปลายปี ตั้งแต่เดือนธันวาคม - เมษายนของทุกปี สาเหตุนอกจากสภาพอากาศที่ไม่สามารถควบคุมได้แล้ว ยังเกิดจากการเผาไร่อ้อย ไฟไหม้ป่า การจุดเผาในที่โล่งแจ้ง การใช้ยานพาหนะเครื่องยนต์ที่ไม่ผ่านมาตรฐาน โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซลเป็นหลักในการคมนาคม ขนส่งมวลชน โรงงานอุตสาหกรรม โรงงานน้ำตาล ขาดความร่วมมือจากเกษตรกรชาวไร่อ้อย
ในหลายพื้นที่ยังคงมีการเผาไร่อ้อยอย่างต่อเนื่อง เหตุผลหลักเพื่อเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตป้อนเข้าสู่โรงงานน้ำตาล ขณะนี้สถานการณ์ฝุ่นควัน PM 2.5 มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นและเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยในพื้นที่จังหวัดกาญจบบุรีของเรา ขณะนี้ สถานการณ์อยู่ในระดับปานกลางจนถึงระดับที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพแล้ว
เนื่องจาก PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งชนาดที่เล็กมากนี้จะสามารถหลุดรอดการกรองของขนจมูก ผ่านเข้าสู่ทางเดินหายใจเข้าไปยังถุงลมฝอยและแทรกซึมผ่านเข้าไปยังหลอดเลือดฝอย และเข้าสู่กระแสเลือดได้ ทำให้เกิดโรคในหลายระบบ
ซึ่งฝุ่นละอองขนาดเล็ก Pm 2.5 จะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้หายใจลำบากและรู้สึกอักเสบ แสบจมูก ไอมีเสมหะ แน่นหน้าอก ถุงลมแฟบ สมรรถภาพปอดลดลง มีอาการภูมิแพ้และหืดกำเริบ ส่วนระบบหัวใจและหลอดเลือด อาจเกิดโรคหัวใจขาดเลือด โรคอัมพาตจากหลอดเลือดสมอง ระบบตาจะรูสึกระคายเคือง และอักเสบ ส่วนระบบผิวหนัง จะมีอาการผดผื่นและคันตามตัว
สำหรับผู้ป่วยกลุ่มโรคที่ต้องเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ใน 4 กลุ่มโรค พบกลุ่มโรคทางเดินหายใจ มากที่สุด จำนวน 95,896 ราย รองลงมาเป็นกลุ่มโรคผิวหนิวหนังอักเสบ จำนวน 463,001 ราย กลุ่มโรคตาอักเสบ จำนวน 75,500 ราย และกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด จำนวน 114 ราย โดยพบกลุ่มโรคทางเดินหายใจมากที่สุดในช่วงเดือนตุลาคม 2566 เนื่องจากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว
นายแพทย์ธีรพจน์ ฟักน้อย นพ.สสจ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ดังนั้นจึงขอแนะนำการปฏิบัติตัวของประชาชนในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 ด้วยการหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็นโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคหัวโจและหลอดเลือด หรือหากจำเป็นควรใส่หน้ากาก N 95 ป้องกันฝุ่นเมื่อออกนอกบ้าน หากไม่มีให้สวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี คือ คลุมจมูกลงมาถึงใต้คางและต้องแนบสนิทกับใบหน้า ให้ทำความสะอาดบ้าน บ่อยๆ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นภายในบ้าน และงดทำกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 เช่น การเผาขยะ การเผาหญ้า การจอดรถติดเครื่องยนต์ไว้เป็นระยะเวลานาน รวมทั้งให้หมั่นตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้อยู่ในสภาพปกติไม่ก่อให้เกิดควันดำ
และขอให้ประชาชนคอยสังเกตอาการของตนเองด้วยว่า หากพบมีอาการผิดปกติของร่างกาย เช่น อาการไอเรื้อรัง แน่นหน้าอก ระคายเคืองตา คัดจมูก หายใจไม่สะดวก ผิวหนังเป็นตุ่มหรือผื่นนูนแดง ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที และที่สำคัญควรติดตามข้อมูลข่าวสารด้านมลพิษทางอากาศเป็นประจำ เพื่อป้องกับฝุ่นละอองและความปลอดภัยต่อสุขภาพของตัวเอง - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี