ตำรวจไซเบอร์ผนึกกำลัง AIS กสทช. บุกรวบจีนเทา พร้อมเครื่องส่ง SMS ปลอม หลังตระเวนขับส่ง SMS แนบลิงก์ดูดเงิน ย่านรามอินทรา สุขุมวิท และฝั่งธนฯ
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันที่ 9 มกราคม 2568 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑการณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.นรวัตน์ คำภิโล รอง ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.อนุชา ศรีสำโรง ผกก.2 บก.สอท.4, พ.ต.อ.สุบรรณ โชคพิมพา ผกก.1 บก.สอท.4, พ.ต.อ.สรกฤช พันธุ์ศรี ผกก.3 บก.สอท.3, พ.ต.ท.โรจน์ศักดิ์ นัยผ่องศรี รอง ผกก.3 บก.สอท.3, ว่าที่ พ.ต.ท.นิพนธ์ ลำน้อย สว.กก.3 บก.สอท.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และนายวิสิฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟเซอร์วิส จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ AIS นำกำลังเปิดปฏิบัติการตรวจค้นอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ภายในซอยนวลจันทร์ 60
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ได้รับการประสานข้อมูลจาก AIS ว่าได้ตรวจพบกลุ่มคนจีนใช้รถยนต์ขับตระเวนบริเวณชุมชน ห้างสรรพสินค้า ที่มีประชาชนหนาแน่น แล้วใช้อุปกรณ์ส่งสัญญานความถี่ผิดกฎหมาย ส่งสัญญานเข้าอุปกรณ์มือถือที่อยู่ในรัศมี โดยปลอมเป็นเครือข่าย AIS ทำการส่ง SMS ปลอมจาก Sender ชื่อ AIS ทำให้ประชาชนสับสนและหลงเชื่อ
ตำรวจไซเบอร์จึงร่วมมือกับทีมวิศวกร AIS ทำการสืบสวนติดตาม Tracking & Monitoring ในพื้นที่ย่านรามอินทรา ตลอดจนสุขุมวิท และชุมชนฝั่งธนบุรี จนพบว่าได้มีกลุ่มคนจีนใช้รถยนต์ฮอนด้า CRV สีบรอนด์ ขับตระเวนบริเวณชุมชน ห้างสรรพสินค้า ที่มีประชาชนหนาแน่น จึงได้สะกดรอยตาม พบรถคันดังกล่าวมาจอดที่ลานจอดรถของอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ในซอยนวลจันทร์ 60
จากการสังเกตพบคนต่างด้าว ลักษณะเหมือนคนจีนลงจากรถ เข้าไปพักในที่พักดังกล่าว จึงเฝ้าจุดดูความเคลื่อนไหว จนกระทั่งเช้าของวันที่ 9 มกราคม 2568 หนึ่งในคนต่างด้าวได้มาที่รถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ทีมวิศวกร AIS และ เจ้าหน้าที่ กสทช. จึงได้เข้าแสดงตัวตรวจสอบ พบว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งหลังรถคันดังกล่าวเป็นเครื่อง False Base Station ที่ถูกติดตั้งไว้พร้อมใช้งาน ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวนี้เป็นเครื่องวิทยุโทรคมนาคมแบบพกพาเถื่อน ผิดกฎหมาย โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็มและซิมโทรศัพท์มือถือกว่า 30 รายการ จึงได้ทำการจับกุมตัว MR.LI อายุ 49 ปี และ MR. ZHU อายุ 47 ปี สัญชาติจีน และแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี
นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “เราให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าให้ใช้บริการได้อย่างปลอดภัย จึงเดินหน้าทำงานเชิงรุกอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ โดยการให้ความร่วมมือกับตำรวจ และหน่วยงานภาครัฐ ในการติดตามมิจฉาชีพ ตรวจสอบเส้นทาง ปิดกั้นการใช้เครือข่ายเป็นช่องทางหลอกลวงประชาชน ซึ่งการปลอมเป็นเครือข่าย AIS ผ่านอุปกรณ์เครื่องจำลองสถานี (False Base Station) ทำให้ประชาชนสับสนและหลงเชื่อ โดยในครั้งนี้ทีมวิศวกร AIS ได้ทำงานร่วมกับตำรวจไซเบอร์ จนสามารถเข้าจับกุมขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ที่มีการส่งข้อความหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบอุปกรณ์ดังกล่าว ไม่พบข้อมูลการได้รับอนุญาตจาก กสทช. แต่อย่างใด ซึ่งทาง AIS ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนภารกิจของตำรวจไซเบอร์ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภารกิจการทลายแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้สำเร็จลงได้ เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ที่ AIS ได้ช่วยติดตามเส้นทางมิจฉาชีพที่ใช้ False Base Station กลางสยามสแควร์ บางแวก บางนาและ ย่านชุมชนในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล”
นายวรุณเทพ ย้ำว่า "AIS ขอแจ้งไปยังประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อและให้ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านการกดลิงก์แอดไลน์ หรือตอบกลับ SMS รวมถึงงดให้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เลขบัตรประชาชน เลขบัตรเครดิต วันเดือนปีเกิด รวมทั้งรหัส OTP ในการทำธุรกรรมใดๆ แก่แหล่งที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ หากเป็นลูกค้า AIS เมื่อรับสายที่เข้าข่ายมิจฉาชีพ เมื่อวางสายสามารถกด *1185# ภายใน 5 นาที ระบบจะส่งเบอร์ล่าสุดที่รับสายไปเพื่อตรวจสอบและบล็อกทันที หรือ หากได้รับ SMS ผิดปกติ ก็สามารถโทรแจ้งผ่านสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center ได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน โดย AIS จะตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป"
การปฏิบัติการจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการตัดวงจรสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นการปิดโอกาสของคนร้าย ในการติดต่อประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อของขบวนการดังกล่าว โดยทางกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยังคงร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเข้มข้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี