16บอสขึ้นศาล/ปฏิเสธข้อกล่าวหา
‘ดิไอคอน’ฮึด!
ทนายความกางแผนประกันตัวสู้
ปปง.แจงอายัดทรัพย์‘มิน-แซม’
ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในศาล
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมตั้งคณะทำงานทำความเห็นแย้งคำสั่งอัยการไม่ฟ้อง“บอสแซม-บอสมิน”คดีดิไอคอน หรือไม่ ชี้มีเวลาพิจารณา 30 วัน ขณะที่ “บอสพอล-บอสกันต์” กับพวกให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ขอสู้คดีฉ้อโกง ทนายความระบุ จำเป็นอย่างมากที่จำเลยต้องได้รับการประกันตัว
เผยเตรียมพยานมากกว่า100ปาก นำสืบหักล้างในชั้นสืบพยานขณะที่ศาลนัดตรวจหลักฐาน10กุมภาพันธ์ด้าน รองโฆษก ปปง.ชี้กรณีอายัดทรัพย์“บอสมิน-บอสแซม“ต้องไปพิสูจน์ทรัพย์ในศาลแพ่งว่าไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดคดีดิไอคอน ระบุสามารถยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิฯได้ถึง17 กุมภาพันธ์นี้
เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 จากกรณีที่อัยการคดีพิเศษ สั่งไม่ฟ้องนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน ทุกข้อกล่าวหาในคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป และจะส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งไม่ฟ้องมาที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งหรือไม่นั้น
ล่าสุด พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า ยังเร็วไปที่จะตอบได้ว่าดีเอสไอจะเห็นแย้งหรือไม่แย้ง ซึ่งต้องดูในเนื้อหาเหตุผลว่าต่างจากที่อัยการออกคำสั่งไม่ฟ้องมา ทั้งนี้ ต้องรอเอกสารจากอัยการจะส่งถึงดีเอสไอ ซึ่งตามปกติก็ 3-5 วัน จากนั้นดีเอสไอก็จะพิจารณาใน 30 วันว่าจะมีความเห็นแย้งหรือไม่ หากไม่แล้วเสร็จก็ขยายระยะเวลาได้ แต่เรื่องนี้ต้องทำด้วยความรวดเร็ว
“คดีนี้เป็นคดีสำคัญประชาชนให้ความสนใจ ก็จะต้องตั้งคณะทำงานขึ้นอีกชุดแยกจากชุดเดิมเพื่อทำความเห็น โดยในชั้นนี้ดีเอสไอต้องถือว่าการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้แล้ว” อธิบดีดีเอสไอ กล่าว
ต่อกรณีสคบ.สั่งเพิกถอนทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปแล้ว จะมีผลอย่างไรหรือไม่ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ไม่มีผลในคดีอาญา ซึ่งพยานหลักฐานที่ดีเอสไอรวบรวมไปก็จะใช้พิสูจน์ความผิดตามข้อกล่าวหา เพียงแต่การเพิกถอนจะมีผลในการสนับสนุนว่าเขาประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือฝ่าฝืนกฎหมายขายตรง
ส่วนที่ทนายของดิไอคอน เปิดเผยว่าจะยกกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องบอสแซมและบอสมินมาต่อสู้คดีให้กับอีก 16บอสนั้น พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า เป็นสิทธิของผู้ต้องหาและในกระบวนการยุติธรรมก็เปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยสู้คดีอย่างเต็มที่เป็นหลักการทั่วไป เขาสามารถหยิบยกหรือนำพยานหลักฐานมาแก้ข้อกล่าวหา แต่ในชั้นนี้ดีเอสไอไม่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานอะไรเพิ่มเติมได้แล้ว
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับคดีของบริษัทดิไอคอนฯยังมีคดีฟอกเงินที่ดีเอสไอสอบสวนนั้นยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงกรณีมีผู้เกี่ยวข้องลอตสอง และคดีฟอกเงินไม่ได้หยุดต้องทำต่อ
เมื่อเวลา 09.00น. ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีฉ้อโกง ดิ ไอคอน หมายเลขดำ อทย.14/2568 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ1 เป็นโจทก์ ฟ้อง บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัดโดยนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล กรรมการผู้มีอำนาจกับพวกรวม 17 ราย เป็นจำเลยที่ 1-17 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และร่วมการประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยวันนี้ศาลได้มีคำสั่งให้เบิกตัวจำเลยทั้งหมดจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อสอบคำให้การ โดยมีนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาด้วยซึ่งนายวิฑูรย์กล่าวก่อนเข้าห้องเวรชี้ว่า ขั้นตอนในวันนี้หลังจากที่พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 17 ราย เป็นนิติบุคคล 1 ราย เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ศาลได้นัดสอบคำให้การจำเลยทั้งหมดในวันนี้ว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ จากนั้นจะมีการนัดสอบคำให้การและนัดตรวจพยานหลักฐานต่อไป คาดว่าจะอยู่ในราวช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. ทั้งนี้จำเลยทั้งหมดจะให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
ส่วนเหตุผลในการปฏิเสธจะมายื่นโดยละเอียดในชั้นนัดตรวจพยาน ตอนนี้ตนอยู่ระหว่างกำลังขอรายชื่อผู้ที่แจ้งความจะได้มาคัดกันว่า คนไหนอยู่ในสายบอสของคนไหน เพื่อแยกแต่ละคนว่า ผู้ที่แจ้งความไปถึงบอสแต่ละคนมีจำนวนเท่าไหร่ ในชั้นสืบพยานจะมีพยานประมาณ 100 ปาก พร้อมนำพยานที่ไม่ได้สอบสวนในชั้นพนักงานสอบสวนมาร่วมสืบพยานในชั้นศาลด้วย มีพยานกลุ่มตัวแทน พยานที่เป็นแพทย์ฝ่ายพัฒนาสินค้า และฝ่ายการตลาดสื่อโฆษณาที่จะต้องเข้ามาเบิกความในชั้นศาลด้วย
ส่วนเรื่องการประกันตัวจำเลยได้มีการประชุมกับทีมทนายว่า จะยื่นประกันช่วงไหนอย่างไร โดยมีความเห็นว่าจะยื่นประกันตัวในช่วงตรวจพยานหลักฐาน ทั้งนี้ตนมีความกังวลว่าด้วยเอกสารการสอบสวนของ ดีเอสไอ มีจำนวนมากถึง 300,000 แผ่น และมีเอกสารของทางบริษัทเกี่ยวข้องกับ ดีลเลอร์เก็ทดีลเลอร์ อีก 2 แสนแผ่น และเอกสารการทำธุรกรรมของแต่ละคนอีกจำนวนมหาศาล และคนที่รู้ดีเกี่ยวกับเอกสารคือตัวพนักงานและตัวจำเลย เพราะฉะนั้นการประกันตัวจำเลยออกมาต่อสู้คดีจึงมีความจำเป็นมาก
ส่วนที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน ตนรู้สึกดีใจมากที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง อันที่จริงบริษัท ดิ ไอคอน ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ไม่ได้ขายสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่มีอย. การสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองคนถือเป็นความกล้าหาญของทางอัยการที่ยึดถือความยุติธรรม เป็นหลักส่วนผู้ต้องหาที่สั่งฟ้องตนก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านไม่ยุติธรรมกับเรา แต่ต้องต่อสู้คดีกันไปตามกระบวนการชั้นศาล
ทนายความบอสพอลกล่าวว่า กรณีที่กลุ่มอ้างเป็นผู้เสียหายมายื่นคำร้องต่อศาลขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งหมดนั้น โดยอ้างว่าตนข่มขู่พยานและข่มขู่ว่าตนจะฟ้องดำเนินคดีนั้น ตนขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่แจ้งความเท็จ เป็นสิทธิตามกฎหมาย ไม่ใช่การข่มขู่ส่วนเรื่องที่มีการมายื่นให้สภาทนายความสอบมรรยาททนายความกับตนนั้น เห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันมากกว่า เพื่อที่จะปิดปากตน
ต่อมาศาลออกนั่งบัลลังก์ เพื่อสอบคำให้การจำเลย ทั้งหมดโดยอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้วสอบถามว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฏว่า จำเลยทั้งหมดแถลงให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี ศาลจึงนัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายเพื่อตรวจพยานหลักฐานวันที่ 10 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.
ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) สะพานหัวช้างกรุงเทพฯ น.ส.สุปราณี สถิตชัยเจริญ ผอ.กองความร่วมมือและพัฒนามาตรฐาน ในฐานะรองโฆษกประจำสำนักงาน ปปง.เปิดเผยถึงกรณีที่เลขาธิการ ปปง.ใช้อำนาจของเลขาธิการ ปปง.ออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย แต่ต่อมาพนักงานอัยการคดีพิเศษได้รับสำนวนจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) และมีคำสั่งไม่ฟ้อง น.ส.พีชญา และนายยุรนันท์2 ผู้ต้องหา เป็นเหตุให้ทรัพย์สินที่ ปปง.ได้ยึดและอายัดไปก่อนหน้านี้แล้วนั้นโดย น.ส.สุปราณี กล่าวว่า ต้องแบ่งเป็น 2 กรณี คือ คดีอาญาและคดีแพ่ง ซึ่งพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา ส่วนคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สิน จะแยกจากกัน และไม่ตัดสิทธิ์บุคคลที่เคยถูกดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน ซึ่งบุคคลสามารถยื่นคำร้องโต้แย้งทรัพย์ในชั้นศาลแพ่งได้ ทั้งนี้ ให้แยกประเด็นกันว่าการไม่สั่งฟ้องทางคดีอาญากับเรื่องการยึดอายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่นั้น จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันข้อเท็จจริงอีกครั้ง
น.ส.สุปราณี กล่าวว่า ตามหลักการกฎหมายฟอกเงิน ผู้เสียหายที่ประสงค์จะเข้ารับการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย สามารถยื่นคำร้องมาได้ แต่ต้องแสดงหลักฐานตนให้ชัดเจน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หรือกรณีมอบบุคคลอื่นมาก็ต้องมีใบมอบอำนาจ พยานหลักฐานเส้นทางการเงินว่ามีความเสียหายจำนวนเท่าไร เอกสารการแจ้งความ หรือพฤติการณ์ทางคดีว่าเกิดความเสียหาย เพื่อยืนยันเป็นผู้เสียหาย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการตรวจสอบค่อนข้างยุ่งยากเนื่องจากคดีดิไอคอนฯ มีความเสียหายเป็นวงกว้าง และข้อมูลพยานหลักฐานค่อนข้างเยอะ จึงต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูล โดยสามารถยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิ์ผู้เสียหายได้จนถึงวันที่ 17 ก.พ.2568
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายคดีบริษัทดิไอคอน กรุ๊ปจำกัด กับพวก ปปง. ได้มีมติให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ตามคำสั่งที่ ย.214/2567 ย. 222/2567 ย.223/2567 ย.224/2567 และ ย.225/2567 รวมจำนวน 103 รายการ มูลค่าประมาณ 286 ล้านบาท และมีมติให้เพิกถอนการยึดอายัดทรัพย์สินจำนวน 40 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 29 ล้านบาท เนื่องจากได้มีผู้มีส่วนได้เสียสามารถแสดงหลักฐานว่าเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกดำเนินการไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพราะชี้แจงได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาก่อนจะเข้ามาในกระบวนการของบริษัทฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี