ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก,พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป.,พ.ต.อ.สมศักดิ์ เนียมเล็ก ผกก.5 บก.ปปป.
สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายจักรกฤช ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ มอบหมายให้ นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนฯ สำนักงาน ป.ป.ท. ภายใต้การอำนวยการของ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการ ป.ป.ท. และนายเอกชัย เกษมสุขธวัช รองเลขาธิการฯ มอบหมายให้ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการฯ และ พ.ต.ท.สราวุธ คำเหลือง ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต ร่วมกันจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหา
1. นาย ว. อายุ 47 ปี นายอำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ 1/68 ลงวันที่ 8 ม.ค.68 ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจหรือจูงใจให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 , 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
2. นาง อ. อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญงานฯ อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ 2/68 ลงวันที่ 8 ม.ค.68 ในความผิดฐาน “สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจหรือจูงใจ ให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 , 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
พฤติการณ์ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ทำการสืบสวนสอบสวน กรณีผู้เสียหายในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจของบริษัทแห่งหนึ่งได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากถูกนายอำเภอเหนือคลอง เรียก รับเงิน ที่ผู้เสียหายได้รับจากการรับเหมาก่อสร้างโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่พักข้าราชการอำเภอเหนือคลอง จึงเข้าพบเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เพื่อขอความช่วยเหลือ ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้นำผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับ นายอำเภอเหนือคลองคนดังกล่าว
โดยเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2567 ผู้เสียหายได้ทำสัญญาก่อสร้างโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่พักข้าราชการ ราคาจ้างเหมา 500,000 บาท โดยมีนายอำเภอเหนือคลอง ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นผู้ลงนามว่าจ้างโครงการ ต่อมาช่วงต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ.2567 นาย ว. (ผู้ต้องหาที่ 1) ได้มาพูดคุยเกี่ยวกับงานที่กำลังก่อสร้างตามสัญญาจ้างกับผู้เสียหายและแจ้งว่า “หากเสร็จงานแล้ว ผู้เสียหายต้องให้นาย 50,000 นะ”
หลังจากนั้นเมื่อผู้เสียหายทำการก่อสร้างโครงการตามสัญญาเสร็จสิ้นจนมีการตรวจรับงานถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา และทางผู้เสียหายได้รับเงินค่าจ้างครบถ้วนแล้ว ต่อมาช่วงประมาณปลายเดือน พฤศจิกายน 2567 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ตำบลโคกยาง ได้โทรศัพท์มาบอกผู้เสียหายว่า นาย ว. (ผู้ต้องหาที่ 1) ฝากบอกให้ผู้เสียหายนำเงินไปให้ นาย ว. (ผู้ต้องหาที่ 1) หากไม่นำไปให้ ให้ผู้เสียหายมาเอาหนังสือลาออกจากการเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เมื่อผู้เสียหายทราบเรื่องดังกล่าว ผู้เสียหายจึงโทรศัพท์ไปสอบถามนาง อ. (ผู้ต้องหาที่ 2) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญงานฯ ทำหน้าที่หน้าห้องปลัดอาวุโส อำเภอเหนือคลอง มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินดังกล่าว แต่เมื่อสอบถามไป ก็กลับไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ผู้เสียหายจึงไปหาผู้ต้องหาที่ 1 ตามกำหนดนัด แต่ไม่พบ โดยระหว่างนั้นก็มีบุคคลโทรศัพท์มาหาผู้เสียหายแจ้งว่าผู้ต้องหาที่ 1 ให้นำเงินไปให้จำนวนหลายครั้ง ผู้เสียหายจึงไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นและขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดกระบี่ จากนั้นได้ร่วมกันวางแผนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการกระทำผิดของ นาย ว. โดยวางแผนให้ผู้เสียหายนำเงินบางส่วน จำนวน 10,000 บาท ไปมอบให้กับ นาย ว. แต่นายนาย ว. ไม่ยอมให้ผู้เสียหายเข้าพบ และบอกหน้าห้องไว้ว่าให้ฝากเงินไว้กับ นาง อ. ซึ่งเมื่อ ผู้เสียหายเห็นว่าไม่สามารถเข้าพบนาย ว. เพื่อมอบเงินให้ตามแผนที่วางเอาไว้ได้ ผู้เสียหายจึงเข้าไปนั่งพูดคุยเรื่องเงินที่จะนำมามอบให้กับนาย ว. ต่อหน้า ปลัดอาวุโส และนาง อ. พร้อมกับนำเงินที่จัดเตรียมไว้นำออกมาวางไว้กลางโต๊ะห้องรับแขกภายในห้องปลัดอาวุโส
จากนั้นนาง อ. จะหยิบเอาเงินบนโต๊ะไป และในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั้นผู้เสียหายได้โทรศัพท์ถึงนาง อ. สอบถามเรื่องเงินที่มอบให้ โดยได้รับการยืนยันว่าส่งมอบเงินให้กับนาย ว. แล้ว ผู้เสียหายจึงได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับ พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ให้ดำเนินคดีกับนาย ว. และนาง อ. ตามกฎหมายจนหมายคดีจะถึงที่สุด
ซึ่งการกระทำนี้ ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่อำเภอคลองเหนือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย จนวันนี้ขณะที่ผู้เสียหายนำเงินจำนวนดังกล่าวเข้าไปมอบให้แก่ผู้ต้องหาภายในห้องทำงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. จึงได้นำหมายจับเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา และดำเนินการส่งตัวผู้ต้องหาให้เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี