ศาลอาญาสืบพยานล่วงหน้าคดีสังหาร ลิม คิม ยา อดีต สส.ฝ่ายค้าน กัมพูชา  ภรรยาคนตายเบิกความชัดเห็นจ่าเอ็มในที่เกิดเหตุ  ส่วนพี่เขยเห็นคนชี้เป้าอยู่บนรถเมล์ 

วันที่ 10 มกราคม 2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอสืบพยานบุคคลก่อนฟ้องในคดีที่ นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม กองเรือ อายุ41ปี ผู้ต้องหาคดีใช้อาวุธปืนยิง นายลิม คิม ยา  (Lim Kim Ya)อดีต สส.ฝ่ายค้านประเทศกัมพูชา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา 

 โดยคำร้องของพนักงานอัยการระบุว่า ด้วย สน.ชนะสงครามได้มีหนังสือถึงผู้ร้อง เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 ขอให้สืบพยานไว้ก่อนฟ้องคดี เนื่องจากพยานเป็นชาวต่างชาติและจะเดินทางกลับประเทศ โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า

เมื่อวันที่ 7 มกราคม เวลากลางวัน นายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ได้พา อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดติดตัวไปยังบริเวณ วงเวียน 13 ห้าง ถนนสิบสามห้าง แขวงบวรเดช เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร อันเป็นบริเวณในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร จากนั้นผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ โดยเจตนาฆ่า นาย ลิม คืงิน ยา (Lim Kim Ya) สัญชาติ กัมพูชา ผู้เสียหาย และโดยไตร่ตรองไว้ก่อนได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ได้ตระเตรียมมายิงไปยังบริเวณกลางลำตัวด้านหลังของผู้เสียหายจำนวน 3 นัด และกระสุนปืนถูกบริเวณหน้าอกข้างซ้ายของผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความความ ในบริเวณที่เกิดเหตุสมดังเจตนาฆ่าของผู้ต้องหาหรือจำเลย อันเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,  89(4),371, 376  พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ 

เหตุเกิดที่ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

พนักงานสอบสวนสน.ชนะสงครามได้ดำเนินการสอบสวนคดีนี้แล้ว แต่เนื่องจาก พยานทั้ง 2 ปาก เชื้อชาติ กัมพูชาสัญชาติ ฝรั่งเศส และมีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศกัมพูชา เเละมีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทั้งสองเป็นประจักษ์พยานสำคัญในคดี มีความจำเป็น ที่จะต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาในวันที่ 11 มกราคมนี้ ซึ่งจะเป็นการยากแก่การนำพยานทั้งสองปากนี้มา เบิกความต่อศาลในภายหลัง จึงขออนุญาตนำพยานทั้งสองปากดังกล่าวเข้าสืบพยานก่อนฟ้อง ในวันที่ 10 มกราคมโดยผู้ร้องได้นำตัวพยานทั้งสองพร้อมล่ามสำหรับพยานทั้งสองมาศาลแล้วโดยพยานทั้งสองอยู่ในระหว่างการคุ้มครองของเจ้าพนักงานตำรวจ ขอศาลได้โปรดออกนั่งพิจารณาเพื่อทำการสืบพยานล่วงหน้า 

ส่วน นายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ขณะนี้ ถูกจับกุมได้ที่ประเทศกัมพูชา และอยู่ระหว่างขั้นตอนการนำส่งผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในราชอาณาจักรไทย

ต่อมาที่ห้องพิจารณาคดี 811 ผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์สืบพยานล่วงหน้าตามคำร้องโดยหนึ่งในพยานเป็นภรรยาชาวฝรั่งเศสของนายลิม คิม ยา เข้าเบิกความผ่านล่าม

โดยภรรยาของผู้ตายเบิกความว่า ผู้ตายประกอบอาชีพเป็นวิศวะกรด้านการเงิน และเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในประเทศกัมพูชาซึ่งเป็นพรรคการเมืองในซีกฝ่ายค้าน และยืนยันว่าสามีของตนนายลิม คิม ยา ไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองหรือกระทบกระทั่งกับผู้ใดมาก่อน ภรรยาของนายคิมเบิกความต่อว่า ในวันเกิดเหตุตนเดินทางเข้ามายังประเทศไทยพร้อมกับลิม คิม ยา และพี่เขยเมื่อวันที่ 7 มกราคมซึ่งก่อนหน้านั้นได้ไปพักผ่อนยังเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเป็นเวลา 4 วัน ก่อนที่จะเดินทางมาประเทศกัมพูชาก่อนเดินทางผ่านเข้ามายังประเทศไทยตามเส้นทางบริเวณชายแดนด่านปอยเปต ในวันเกิดเหตุ ตนและนายลิม คิม ยา เดินทางมาถึงยังจุดเกิดเหตุบริเวณใกล้กับวัดบวรนิเวศวิหารซึ่งเป็นบริเวณที่มีจราจรติดขัดก่อนที่ตน พี่เขยและนาย  ลิม คิม ยา จะนำสัมภาระลงจากรถบัสและเดินข้ามถนนเพื่อไปยังฟุตปาธกลางถนน ปรากฏว่า หลังจากนั้นตนได้ยินเสียงดังคล้ายกับเสียงประทัดดังขึ้นประมาณ 2 ครั้งจากบริเวณข้างหน้า จึงหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่าตนพบเห็นชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อยืด หันหน้ามาทางตน แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเป็นชาวบ้านทั่วไปที่เดินผ่านไปมา จากนั้น ชายคนดังกล่าวได้ขึ้นรถจักรยานยนต์แล้วขี่หลบหนีไป

ต่อมาทนายความได้นำรูปของนายเอกลักษณ์ ผู้ต้องหามาให้ภรรยาของนายคิมดู เพื่อให้เทียบว่าใช่คนเดียวกับผู้ก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งภรรยาของนายคิมมั่นใจว่าใช่คนเดียวกัน ภรรยาของนายคิมเบิกความต่อว่า หลังจากที่เกิดเสียงดังคล้ายประทัดดังขึ้นแล้ว พี่เขยของตนได้ตะโกนขึ้นมาว่านายลิม คิม ยา ถูกยิง ซึ่งขณะนั้นนายลิม คิม ยา ยังไม่เสียชีวิตแต่ว่าไม่มีสติแล้ว ตนพบว่าสามีของตนเองถูกยิงตรงบริเวณด้านหลัง 2 นัด หลังจากนั้นตนพยายามช่วยชีวิตด้วยวิธีการ CPR แต่ปรากฏว่าสามีของตนอาการแย่ลงเรื่อย ๆ มีเลือดออกจำนวนมาก จึงขอความช่วยเหลือจากประชาชนรอบข้างแต่ไม่มีใครเข้ามาช่วย ผ่านไปสักพักจึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมกับแพทย์เข้ามาทำการช่วยเหลือ แต่ในเวลานั้นหลังจากที่ตนจับชีพจรของสามีปรากฏว่าสามีของตนชีพจรไม่เต้น จึงทำให้มั่นใจว่าสามีของตนได้เสียชีวิตลงแล้ว โดยพี่เขยของตนเห็นคนชี้เป้าอยู่บนรถโดยสารประจำทาง 

 ภรรยาของนายลิม คิม ยา เบิกความอีกว่า เวลาที่สามีของตนถูกยิงคาดว่าเป็นเวลาประมาณ 17.30-17.45 น. ตนได้ไปให้ปากคำที่สน.ชนะสงคราม โดยยืนยันว่าไม่มีการบังคับขู่เข็ญในชั้นสอบสวนแต่อย่างใด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดเบื้องหลังยุทธการหมาล่าเนื้อข้ามชาติ รวบ'เอ็ม กองเรือ'มือปืนสังหารอดีตสส.กัมพูชา