สตม.จับชายชาวเนเธอร์แลนด์ เปิดพฤติการณ์แสบ ตุ๋นขายเม็ดทองคำปลอม
14 มกราคม 2568 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. , พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. , พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ช่วยราชการ บก.สส.สตม. , พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. , พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. , พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมชายชาวเนเธอร์แลนด์หลอกขายทองหวังฉกดอลลาร์
สืบเนื่องจาก กก.1 บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนกรณีได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ว่ามีกลุ่มชายชาวต่างชาติผิวสี มีพฤติกรรมหลอกลวงขายเม็ดทองคำในราคาถูก ซึ่งเชื่อว่าเป็นเม็ดทองปลอม โดยจะอ้างว่ามีทองคำนำเข้ามาจากแอฟริกาจะขายให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพราะสามารถนำเข้าประเทศไทยแบบไม่เสียภาษี พร้อมทั้งโชว์เม็ดทองคำจำนวนมาก
จากการตรวจสอบทราบว่า หากมีผู้ใดสนใจซื้อ จะนัดพูดคุยและมอบเม็ดทองคำตัวอย่างซึ่งเป็นทองคำแท้ ให้เหยื่อนำไปตรวจสอบก่อน จากนั้นหากเหยื่อหลงเชื่อตกลงซื้อเม็ดทองดังกล่าว จะนัดพบกันเพื่อซื้อขายเม็ดทองดังกล่าว โดยขายในราคา 55,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2 ล้านบาท และมักจะอ้างให้เหยื่อเตรียมเงินสดเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐตามจำนวนที่ตกลงซื้อขายกัน ซึ่งหากเหยื่อหลงเชื่อจะรับเงินสดและส่งเม็ดทองปลอมให้แล้วหลบหนีไป หรือหากเหยื่อเริ่มสงสัยว่าเม็ดทองทั้งหมดเป็นของจริงหรือไม่ จะพยายามหาวิธีการเบี่ยงเบนความสนใจ และสับเปลี่ยนเงินของเหยื่อด้วยเงินปลอมที่เตรียมมาด้วย แล้วหลบหนีไป
จากการสืบสวนทราบว่ามีชายผิวสีซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้หลอกลวง พักอาศัยอยู่ที่โรงแรมภายในซอยสุขุมวิท 5 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงได้วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ จนพบชายผิวสีเป้าหมาย มาปรากฏตัว จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขอตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวชื่อ MR.NDILLE (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี สัญชาติดัตช์ และจากการตรวจสอบห้องพักพบกระเป๋าเสื้อผ้าภายในมีถุงบรรจุสิ่งของลักษณะคล้ายเม็ดทองคำน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม จำนวน 1 ถุง และพบถุงพลาสติกใสบรรจุสิ่งของลักษณะคล้ายเม็ดทองคำน้ำหนักประมาณ 100 กรัมอีก 2 ถุง
MR.NDILLE ให้การว่าได้ซื้อเม็ดทองมาจากประเทศจีน โดยเม็ดทองถุงน้ำหนัก 5 กิโลกรัม เป็นเม็ดทองปลอม และเม็ดทองที่บรรจุในถุงพลาสติกถุงละประมาณ 100 กรัม จำนวน 2 ถุง เป็นเม็ดทองจริง 1 ถุง และเป็นเม็ดปลอม 1 ถุง จึงทำการยึดไว้พร้อมด้วยเงินสด สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เงินเยน เงินปอนด์ รวมเป็นเงินประมาณ 117,600 บาท
จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ พบมีการแชทพูดคุย ผ่าน WhatsApp กำลังหลอกเหยื่อเพื่อขายเม็ดทองคำ โดยพบมีภาพได้โชว์เม็ดทองคำจำนวนมากให้ดูและเสนอขายในราคาถูก และมีการให้ตัวอย่างเม็ดทองคำให้ไปตรวจดูก่อนแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นเม็ดทองคำแท้ จึงตกลงซื้อ จำนวน 1 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 55,000 ดอลลาร์
ทั้งนี้ในการซื้อขาย MR.NDILLE จะขอรับเป็นเงินดอลลาร์เท่านั้น และนัดส่งมอบเม็ดทองคำ ที่ห้างสรรพสินค้าในแขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ จึงได้ติดต่อผู้ที่พูดคุยกับ MR.NDILLE ดังกล่าวทราบว่าได้ตกลงซื้อเม็ดทองจาก MR.NDILLE แล้ว และได้นัดพบกันเพื่อซื้อขาย โดย MR.NDILLE ได้มากับเพื่อนอีก 3 คน และพยายามเบี่ยงเบนความสนใจและหาโอกาสในการสับเปลี่ยนเงินดอลลาร์ของปลอมที่กลุ่ม MR.NDILLE เตรียมมา ซึ่งโชคดีที่เหยื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงได้โวยวายและยกเลิกการซื้อขาย นอกจากนี้ยังพบข้อมูลการแชทพูดคุยกับเหยื่ออีกหลายคน เพื่อหลอกขายเม็ดทองปลอมดังกล่าว
เบื้องต้นได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของ MR.NDILLE เนื่องจากมีพฤติการณ์หลอกลวงผู้อื่น เป็นภัยต่อสังคม ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง และขึ้นบัญชีเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ควบคุมตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวเตรียมผลักดันกลับประเทศต่อไป โดยระหว่างนี้ ได้ประสานเหยื่อที่เคยถูกหลอก หรือกำลังจะถูกหลอก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และทำการสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี