“อัจฉริยะ”ท้าพิสูจน์ความจริงวันจำลองเหตุการณ์ 16 มกราคมนี้ พร้อมเปิดหลักฐานเด็ด มั่นใจรื้อคดี“แตงโม”ได้ ลั่นสิ่งที่ ตร.แถลง เป็นเรื่องโกหกหรือไม่ ด้านผู้เชี่ยวชาญเผยมี 20-30 ชุด ที่พบความผิดปกติในเส้นทางของ GPS 

วันที่ 14 ม.ค.68 ที่ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อม 4 พยานสำคัญ ได้เข้าไปให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของนางสาวนิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ ”แตงโม“กับพันตำรวจตรีณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) นานเกือบ 4 ชั่วโมง

โดยนายเอกราช นามโภคิน ซึ่งเป็นพยานผู้พัฒนาซอฟแวร์และวิเคราะห์ GPS กล่าวว่า ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก่อนได้ GPS ของจริงมา เราใช้วิธีเก็บข้อมูลจากรายการหนึ่งและจากการแถลงข่าว พร้อมทั้งได้ลงเรือ พร้อมกับนายอัจฉริยะ และนำทุกอย่างมาประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา และตำแหน่ง  โดยเมื่อได้ GPS ของจริงมา แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้ซอฟแวร์มาด้วย ก็เลยจะต้องพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมา แล้วใช้โปรแกรมดูดข่าวทั้งหมดที่มีอยู่บนโซเชียล และบนเว็บไซต์ของข่าวทั้งหมด เพื่อมาประกอบให้เห็นไทม์ไลน์ตั้งแต่แรกจนนาทีสุดท้าย ซึ่งจากที่เรารันโปรแกรมทั้งหมด มันก็จะเห็นภาพว่าหัวเรือไปทางไหน เวลาเท่าไหร่ ความเร็วเท่าไหร่ และเมื่อไปถึงจุดเวลาที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น มันก็จะแสดงให้เห็น และสามารถไล่ไทม์ไลน์ทั้งหมดได้ จนกระทั่งถึงช่วงที่เอาเรือเก็บที่อู่เรือ รวมไปถึงช่วงที่เอาเรือออกมาอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงเวลาตี 4 กว่าๆ

ส่วนจากการที่ได้พูดคุยกับทางดีเอสไอก็มี 20-30 ชุด ที่คิดว่าเป็นข้อสังเกตและพบความผิดปกติในเส้นทางของ GPS ที่เราได้มาทั้งหมด ประกอบกับเราได้พิสูจน์แล้วในชั้นศาล ช่วงที่นายอัจฉริยะขึ้นศาล จนเอามาประกอบและเทียบกับซอฟต์ แวร์จริง จึงยืนยันว่าตรงกับความเป็นจริง 100 เปอร์เซ็นต์ และยังตรงกับข้อมูลของ “อาจารย์หมอธวัชชัย” ด้วย

นายเอกราช ยังบอกอีกว่า ทุกวันนี้เราสามารถที่จะเอาสิ่งที่บางคนพูดมาดูที่ GPS ได้เลย เช่น ช่วงเวลาการหยุดเรือแล้วถ่ายรูป เพราะพอเรามาดูไทม์ไลน์จริงๆ ปรากฎว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะฉะนั้น GPS มันจะบ่งบอกในสิ่งที่เราไม่เคยเห็นที่ปรากฏบนสื่อ ซึ่งซอฟต์ แวร์ของเราจะวิเคราะห์มาให้ว่า จุดไหนพบความผิดปกติบนเรือ โดยเฉพาะจุดที่อาจารย์ปานเทพได้แถลงไปแล้ว คือ ที่วัดค้างคาว ซึ่งเราให้น้ำหนักกับวัดค้างคาว ใครเป็นคนขับเรือไปที่นั่น แล้วไปจอดอยู่ 1 ชั่วโมง แต่รายละเอียดรอแถลงว่าทำไมถึงเป็นจุดนั้น

เมื่อถามถึงความเร็วที่เรือวิ่งในช่วงนั้น นายเอกราช ตอบว่า ”ความเร็วสูงสุด คือ 36 นอต ที่จับได้ และเป็นช่วงที่เอาเรือไปเก็บแล้ว“

อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะ จะเป็นผู้เปิดหลักฐานเด็ดในวันที่ 16 มกราคมนี้อีกครั้ง ซึ่งสื่อมวลชนก็จะเห็นภาพตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงวินาทีสุดท้ายว่าอะไรมันเกิดขึ้นบ้าง ทั้งข้อสังเกตและข้อพิรุธต่างๆ มีอะไรบ้าง

ขณะที่นายอัจฉริยะ ย้ำว่า ความเร็วของเรือที่พบ 36 นอต เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงขาไปและขากลับ ทั้งขาไปจากอู่ต่อเรือ จนไปถึงพักที่โรงแรม จอดเรือไว้ ก่อนวกกลับมาที่อู่เรืออีกครั้ง แต่ช่วงเกิดเหตุอยู่ที่ 8 นอต ดังนั้นจึงตั้งข้อสังเกตว่าใครเป็นผู้ขับเรือ โดยรายละเอียดทุกอย่างและภาพหลักฐานใหม่ ซึ่งเป็นทีเด็ด จะแถลงข่าวในวันที่ 16 มกราคมนี้ ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดที่ไม่ได้เห็น “แซน” และ “แตงโม” นั่งท้ายเรือ จะแสดงให้เห็นว่า “แซน” โกหก เพราะความจริงแล้ว “แตงโม” หายไปตั้งแต่ก่อนเวลา 22.32 น. แล้ว อีกทั้งเราจะได้เห็นภาพใต้น้ำ ซึ่งเป็นภาพที่ทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อน

เมื่อถามว่าในช่วงเวลาจำลองเหตุการณ์กระแสน้ำ และระดับน้ำขึ้นน้ำลง จะส่งผลกระทบต่อการจำลองหรือไม่นั้น นายอัจฉริยะ มั่นใจว่า “ไม่ต้องกังวลเรื่องกระแสน้ำหรือระดับน้ำ เพราะเราเทียบได้กับวันที่เกิดเหตุ ซึ่งจะมีคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้มาในวันดังกล่าว เพื่อชี้จุด และให้ข้อมูลในวันที่เกิดเหตุว่าน้ำขึ้น น้ำลงอย่างไร

นายอัจฉริยะ ยังบอกอีกว่า ขอให้ฟิกความเร็วของ GPS เพราะการแถลงข่าวของตำรวจ เวลาที่ยืนยันคือ 22.34.10 น. แตงโมตกเรือ และภาพที่ปรากฏอยู่ใน GPS ความเร็วอยู่ที่ 8 นอต แต่ช่วงก่อนเวลา 22.29-22.34 น. ความเร็วอยู่ที่ 3.3 นอต 10 นอต และ 8 นอต แต่ในเวลาดังกล่าวความเร็วมันคงที่ มันทำให้เห็นว่า “เรือมันไม่มีการกระชาก เพราะเรือมันวิ่งสม่ำเสมอ ฉะนั้นสิ่งที่ตำรวจแถลงก็เป็นเรื่องโกหกหรือไม่” (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'ดีเอสไอ'สอบพยานสำคัญ 4 ปากคดีแตงโม เผยผู้เชี่ยวชาญให้การเป็นประโยชน์)