“พ.ต.ต.ณฐพล”เผยดีเอสไอได้สอบปากคำพยานสำคัญ 4 ราย"คดีแตงโม" ระบุ“หมอธวัชชัย“ ให้การเป็นประโยชน์เกี่ยวกับบาดแผล ขณะที่”ธนวัฒน์“ผู้เชี่ยวชาญการขับเรือกว่า 20 ปี ยันชัดเรือไม่ดูดคนเข้าหาตัวเรือ ยกเว้นขับถอยหลัง ส่วน "เอกราช“ โปรแกรมเมอร์ระบบ GPS ให้ข้อมูลปมความเร็วและทิศทางอย่างไร ส่วน 16 ม.ค.นี้ DSIเเค่สังเกตการณ์นำโดรนบินถ่ายภาพ แต่หากเจอพยานหลักฐานใหม่ และเข้าความผิดท้าย พ.ร.บ. การสอบสวนคดีพิเศษฯ อาจเสนอขอ “อธิบดีดีเอสไอ” รับเป็นคดีพิเศษ
วันที่ 14 ม.ค.68 ที่ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ผู้ได้รับมอบหมายจาก พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินการแสวงหาข้อมูล ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมจากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวชื่อดัง เปิดเผยภายหลังสอบสวนปากคำพยานสำคัญทั้ง 4 ราย ว่า วันนี้คณะตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบปากคำพยานสำคัญ 4 ราย เพื่อขอรับทราบข้อมูลว่าเหตุใดจึงมาพบดีเอสไอเพื่อให้รายละเอียดข้อมูลข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้ให้การเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะคุณหมอค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมอุบัติ ซึ่งเดิมคุณหมอเคยเป็นโจทก์ร่วมในคดีการเสียชีวิตของคุณแตงโม เมื่อครั้งศาลจังหวัดนนทบุรี แต่ต่อมารายชื่อของคุณหมอได้ถูกโจทก์ร่วมตัดชื่อออก จึงทำให้คุณหมอต้องนำข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่เคยมีไว้ในสมัยเป็นโจทก์ร่วม ที่ไม่ได้ถูกนำเข้าสู่สำนวนคดีหลักมาให้กับดีเอสไอ
ส่วนพยานปากที่ 2 คือ นายธนวัฒน์ สุหัตถาพร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขับเรือ มากว่า 20 ปี และเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรือสปีดโบ๊ทชนิดเดียวกับที่คุณแตงโมตก ซึ่งพยานรายที่ 2 ให้การว่าเขาขับเรือมา 20 กว่าปี ถ้าจะมีคนตกท้ายเรือในขณะที่เรือแล่นด้วยความเร็ว 8 น็อต มันจะไม่มีทางที่บุคคลจะถูกดูดกลับมาที่เรือ เว้นแต่ว่าเรือต้องถอยหลังจึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะถูกใบพัดเรือ
ส่วนพยานปากที่ 3 คือ นายเอกราช นามโภคิน โปรแกรมเมอร์ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และวิเคราะห์ระบบ GPS ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่อง GPS TRACKING โดยได้ให้ข้อมูลเรื่องเรือว่ามีการแล่นจากจุดไหนไปจุดไหนบ้าง และเเล่นด้วยความเร็วเท่าใด ทิศทางอย่างไร เพื่อนำไปประกอบกับรูปถ่ายตามหน้าสื่อว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง และตรงหรือไม่ ทั้งนี้ ตรงส่วนนี้นั้น ดีเอสไอยังอยู่ระหว่างการสอบสวนต่อไป เนื่องด้วยมีเอกสารจำนวนมาก จึงทำให้ในประเด็นของ GPS TRACKING เราจะต้องนัดมาสอบถามข้อมูลภายหลังอีกครั้ง และนอกจากนี้ ในส่วนของภาคประชาชนก็จะได้มีการนำพยานหลักฐานอื่น ๆ มาให้คณะทำงานดีเอสไอได้ทำการตรวจสอบต่อไป
พ.ต.ต.ณฐพล เผยอีกว่า สำหรับคำให้การของพยานปากที่ 2 นายธนวัฒน์ สุหัตถาพร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขับเรือ มากว่า 20 ปี ได้ให้ข้อมูลด้วยว่า ในการขับเรือด้วยความเร็ว 8 น็อต เรือมันจะมีความโคลงเคลง ดังนั้น เมื่อเรือแล่นไปข้างหน้า จะไม่ทำให้คนที่ตกเรือถูกดูดเข้ามาที่ตัวเรือ และในเรื่องของบาดแผล หากตกเรือแล้วถูกดูดเข้าไปโดนใบพัดเรือจริง ๆ แผลจะต้องมีลักษณะฉีกกระจุย ขณะที่การให้ปากคำของ พ.อ.นพ.ธวัชชัย ได้มีการนำรายงานเอกสารมาให้เราตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นชนิดของบาดแผล รายละเอียดของบาดแผล แต่อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ตนต้องขอสงวนข้อมูลไว้ก่อน เพราะยังได้รายละเอียดไม่ครบ และยังต้องมีการสอบสวนปากคำต่อไป ทั้งประเด็นของชนิดบาดแผล ลักษณะของบาดแผลหากมาจากการถูกใบพัดเรือ หรือถูกของมีคมนั้น บาดแผลจะมีลักษณะอย่างไรบ้าง ตนจึงให้คุณหมอธวัชชัย กลับไปรวบรวมเอกสารให้ครบถ้วนอีกครั้ง
พ.ต.ต.ณฐพล เผยด้วยว่า สำหรับในวันที่ 16 ม.ค.นี้ ที่ภาคประชาชนจะมีการจำลองสถานการณ์การตกเรือของคุณแตงโมนั้น บทบาทของดีเอสไอ คือ จะไปร่วมสังเกตการณ์ บันทึกภาพนิ่ง บันทึกภาพวิดีโอโดยการบินโดรน เพื่อจะได้เก็บข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ส่วนหลังจากนั้น ภาคประชาชนจะได้จัดทำรายงานข้อมูลที่ได้จากการจำลองสถาน การณ์ และรายงานวิชาการมามอบให้ดีเอสไอไปพิจารณาตรวจสอบต่อไป ส่วนจะเรียกว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่หรือไม่นั้น ตนขอย้ำว่าจะต้องรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริงในชั้นนี้ที่ได้จากภาคประชาชนให้เรียบร้อยก่อน เพราะอาจมีทั้งส่วนที่เหมือนข้อเท็จจริง หรือเป็นข้อเท็จจริง เราต้องนำมาเทียบเคียงเพื่อพิจารณาทั้งหมดให้รอบด้าน
พ.ต.ต.ณฐพล เผยต่อว่า ส่วนข้อมูลที่ได้จากการสอบปากคำ 4 พยาน และการจำลองสถานการณ์ในวันที่ 16 ม.ค. จะเป็นการนำไปสู่การที่ดีเอสไอจะสามารถรื้อคดีได้หรือไม่นั้น ขอเรียนว่าต้องใช้เวลา สักระยะ เพราะมันต้องดูให้แน่ชัดว่าจะมีพยานหลักฐานใหม่เข้ามาหรือไม่ และดูข้อเท็จจริง พยานหลักฐานทั้งหมด ตอนนี้คงตอบไม่ได้ และการจะรับหรือไม่รับคดีใดไว้เป็นคดีพิเศษนั้น ตอนนี้คณะทำงานได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการพิเศษ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย เจ้าหน้าที่ส่วนระบบ GPS และส่วนของการข่าวมาช่วยระดมตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อกระจายบทบาทว่าต้องไปรวบรวมเอกสารจากบุคคลอื่นใดบ้าง เพื่อที่เมื่อดำเนินการแล้วจะทำให้เห็นภาพทิศทางว่าดีเอสไอสามารถทำในทิศทาง แนวทางใด จึงหมายความว่าดีเอสไแจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีการเสียชีวิตของคุณแตงโมทั้งหมด
พ.ต.ต.ณฐพล ย้ำว่า ไม่มีความกังวลใจที่ต้องรับภารกิจแสวงหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เพราะการทำงานของเราทำตามกรอบกฎหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้รอบด้านก่อน เนื่องจากคดีหลักยังอยู่ในชั้นศาล ทั้งนี้ การจะพิจารณารับหรือไม่รับไว้เป็นคดีพิเศษนั้น ถ้าหากประเด็นดังกล่าวไม่ใช่ความผิดตามบัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 จะต้องมีการเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เพื่อขอมติในที่ประชุมพิจารณาว่าจะรับดำเนินการไว้เป็นคดีพิเศษ แต่ถ้าหากเรื่องดังกล่าว เป็นการกระทำ เป็นพฤติกรรมที่อยู่ในบัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ก็จะเหมือนกับทุก ๆ คดีที่สามารถใช้อำนาจของอธิบดีดีเอสไอ ในการพิจารณารับเป็นคดีพิเศษได้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พยานสำคัญทั้ง 4 ราย ที่ได้เข้าให้ปากคำข้อมูลกับดีเอสไอ ประกอบด้วย พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า , นายธนวัฒน์ สุหัตถาพร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขับเรือ มากว่า 20 ปี , นายเอกราช นามโภคิน โปรแกรมเมอร์ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และวิเคราะห์ระบบ GPS และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี