โจรใต้บึ้มรถกระบะ

ครูใหญ่รร.ตชด.ดับ

พลีชีพพร้อมลูกชาย

ตร.เร่งไล่ล่าคนร้าย

โจรใต้เหี้ยมลอบวางบึ้มถนนบ้านไอร์กือเนาะ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ถูกรถกระบะ พ.ต.ท.กับลูกชาย ครูใหญ่โรงเรียน ตชด.พลีชีพ2นาย เผยประวัติเคยได้รางวัล‘ครูยิ่งคุณ’เจ้าหน้าที่เร่งปิดล้อมไล่ล่าคนร้าย คาดฝีมือแนวร่วมฯ สร้างสถานการณ์ความไม่สงบ ด้าน‘ภูมิธรรม’จี้ทบทวนยุทธศาสตร์ดับไฟใต้

เมื่อเวลา 09.50 น.วันที่ 14 มกราคมผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดเหตุระเบิดที่บริเวณถนนเส้นทางศรีสาคร-จะแนะ บ้านไอร์กือเนาะ ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ถูกรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน สีขาว ไม่ทราบทะเบียนที่ขับผ่านมา และมีการโจมตีซ้ำ ภายหลังตำรวจ สภ.ศรีสาคร ได้รับแจ้งเหตุ จึงประสานหน่วยทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังกัน เข้าตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้น

จากการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบหลุมระเบิด โดยรถกระบะคันดังกล่าวอยู่ในสภาพพลิกตะแคง พังเสียหายทั้งคัน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อคือ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 7 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) บ้านตืองอ ต.ศรีบรรพต จ.นราธิวาส และร่าง ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 35 ปี บุตรชายของ พ.ต.ท.สุวิทย์คุรุทายาท รุ่น 8 ครูโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ ต.ศรีบรรพต จ.นราธิวาส โดยทางเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.ทพ.49 ได้ปิดกั้นเส้นทางและวางกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัย ก่อนจะประสานแพทย์นำศพส่งไปชันสูตร

ส่วนการตรวจสอบจากฝ่ายทหาร ทราบว่าผู้เสียชีวิตทั้งสอง ได้เดินทางด้วยรถกระบะจากโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ มุ่งหน้า อ.ศรีสาคร เพื่อจะไปซื้อของ ก่อนจะประสบเหตุ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) เข้าตรวจสอบอย่างละเอียด และเร่งสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เบื้องต้นคาดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบ ที่เคลื่อนไหวก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ เพื่อสร้างสถานการณ์ความไม่สงบให้เกิดขึ้นโดยเร่งออกติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีแล้ว

สำหรับ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ เป็นครูใหญ่ของโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร เคยได้รับรางวัลผู้ปิดทองหลังพระ จากงานประกาศรางวัลคนค้นฅนอวอร์ด ครั้งที่ 9 พลังของแผ่นดิน เมื่อปี2560

ทั้งนี้ เว็บไซต์ของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ได้เคยเผยแพร่บทสัมภาษณ์เมื่อครั้งเป็นร.ต.ต.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ว่าจุดเริ่มต้นของการเป็นครู ตชด.ได้เริ่มต้นสอนหนังสือในชั้นอนุบาล 3 ที่โรงเรียน ตชด.บ้านละโอ ชุมชนกลางป่าลึกของเทือกเขาคีรีบรรพต เพื่อกระตุ้นให้เด็กๆ ทำการบ้านที่หมายความว่ารีบทำให้เสร็จจะได้ออกไปเล่นข้างนอกด้วยเพราะเป็นศิษย์เก่าจากโรงเรียน ตชด.ในพื้นที่สีแดงของ จ.พัทลุงในวัยเด็ก ได้เห็นความยากลำบากของครูที่ทุ่มเทเพื่อให้เด็กๆ ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา ทำให้ “ครูวิทย์” ซึ่งเป็นคำเรียกขานของเด็กๆ และชาวบ้าน ตัดสินใจทิ้งชีวิตโลดโผนในวัยหนุ่ม มุ่งหน้าเข้ามายังชุมชนกลางป่าที่แทบไม่มีใครรู้ภาษาไทย เพื่อสร้างอนาคตทางการศึกษาให้กับเด็กด้อยโอกาส ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่าฯ

“ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็กว่าสักวันจะเป็นครู อยากช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ทุรกันดาร จึงเข้ามาเป็นครูโดยได้สิทธิ์สอบบรรจุครูโครงการคุรุทายาท เมื่อสอบได้จึงเลือกที่จะทำงานในพื้นที่ จ.นราธิวาสที่ใครๆ ก็ไม่อยากมา แต่ผมกลับมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำงานสนองงานพระราชดำริของทุกพระองค์ได้อย่างเต็มที่”

ด้วยความทุ่มเทและเสียสละความสุขส่วนตัวกว่า 20 ปีเพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนด้อยโอกาสในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลและเสี่ยงภัยอันตรายให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา เพื่อพัฒนาเป็นคนเก่งและเป็นคนดี บนวิถีแห่งความพอเพียงตามแนวพระราชดำริ ทำให้ ร.ต.ต.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์(ยศขณะนั้น) ครูใหญ่ของโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ ช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ได้รับการเสนอชื่อเป็นครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีและผ่านการพิจารณาให้ได้รับรางวัลในระดับ “ครูยิ่งคุณ” ประจำปี 2558 ของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และกระทรวงศึกษาธิการ

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงเหตุลอบวางระเบิดที่ จ.ปัตตานี และเหตระเบิดที่เกิดขึ้นกับครูโรงเรียน ตชด.ที่ จ.นราธิวาส ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และเป็นเหตุจากการประกาศยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อ.ยะหา จ.ยะลา โดยมีการพูดคุยในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้วว่าเวลานี้เราปรับลดใช้กฎหมายก็มีเรื่องอีก แต่พอไม่มีเรื่องก็ลด ดูเหมือนเป็นไปตามเกมขบวนการของเขา ฉะนั้นตนคิดว่าต้องมีการทบทวน ซึ่งได้ให้นโยบายที่ประชุมฯ แล้ว ว่าภายใน 1 เดือน จะดูว่าสิ่งที่ทำไปทั้งหมดมีอะไรที่ดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นต้องติดตามดูว่าเชื่อมโยงกันอย่างไร ต้องดูเรื่องวัตถุระเบิดและอะไรหลายๆ อย่าง จึงคิดว่าจะเป็นไปอย่างนี้อีกตราบใดที่ยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างจริงจัง โดยภายในเดือนมกราคมนี้ น่าจะจบ คุยกันรู้เรื่อง แล้วจากนั้นจะคุยกันอีกตนบอกไปแล้วว่าถ้ายังใช้วิธีแบบเดิมก็จะเป็นแบบนี้ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ต้องทบทวนยุทธศาสตร์ ว่าจะเอาอย่างไร รวมถึงการตั้งคณะกรรมการไปเจรจา ต้องทำตรงนี้ให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นการเจรจาก็เจรจาไป แต่ยังรบกันอยู่ มันไม่ใช่วิถีการแก้ปัญหาได้ให้ทีมที่ปรึกษาทั้งทหารและตำรวจไปตรวจสอบว่าที่ผ่านมาปัญหาอยู่ตรงไหน และจะแก้อย่างไร คิดว่าจะเป็นการเคลียร์กันใหม่หมด จะได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ และข้อจำกัดสาเหตุอยู่ตรงไหน ไม่อย่างนั้นเมื่อเกิดเหตุ ก็ต้องมาคอยตอบคำถาม