นักวิชาการชี้ฤดูหนาว

ยาวถึงกุมภาพันธ์

อิทธิพล‘ลานีญา’

เตือนใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯเตือนภาคใต้ฝนหนัก15-18 มกราคม ส่วน อ.เจษฎา เผยอากาศหนาวสมชื่อฤดู มีแนวโน้มหนาวยาวถึงกลางเดือนก.พ.จากอิทธิพล’ลานีญา’ด้าน ผอ.กองพยากรณ์ฯ กรมอุตุฯ ชี้ไทยอากาศหนาวไม่ใช่เรื่องผิดปกติ

เมื่อวันที่ 14 มกราคมกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยฉบับที่ 1 (13/2568) ระบุว่าช่วงวันที่ 15-18 มกราคม 2567 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ดังนี้ วันที่ 15 มกราคม 2568 ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล วันที่ 16-17 มกราคม 2568 ภาคใต้จ.สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2–3 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 16-18มกราคม 2568

ขณะที่ ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเกี่ยวเนื่องกับสาเหตุที่ประเทศไทยในปีนี้ มีอากาศหนาวเย็น และยาวนานกว่าหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งให้คำตอบว่า ในปี 2568 ฤดูร้อน จะร้อนสมศักดิ์ศรีเหมือนฤดูหนาวหรือไม่ โดยระบุว่า สภาพอากาศประเทศไทย เข้าสู่สภาวะลานีญา อากาศหนาวเย็นไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้หน้าร้อนประเทศไทยปีนี้ไม่ร้อนจัด เพราะมีฝน ส่วนอากาศหนาวจะหนาวน้อยลง แต่อากาศก็จะยังหนาวเย็นไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2568

ทั้งนี้ หน่วยงาน NOAA ของสหรัฐอเมริกา คอนเฟิร์มแล้วว่าเราเข้าสู่สภาวะ ‘ลานีญา’(La Nina) อย่างอ่อนๆ แล้ว ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทางกรมอุตุนิยมวิทยา โพสต์ให้ข้อมูลถึงพยากรณ์อากาศของไทย ที่จะได้รับผลกระทบจากสภาวะลานีญา โดยสรุปคร่าวๆ คือจะทำให้ฤดูร้อนปีนี้ ไม่ร้อนจัดรุนแรงเหมือนปีก่อนๆ (แต่ก็ต้องคอยอัพเดตเรื่อยๆ) โดยสรุป คือตอนนี้แม้ว่าจะหนาวน้อยลง แต่อากาศก็จะยังหนาวเย็นไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์

จากนั้นจะเข้าสู่ฤดูร้อน โดยช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม จะได้รับผลกระทบจากสภาวะ ลานีญา อ่อนๆ (หรือไม่ก็อยู่ค่ากลาง neutral) กระแสลมที่พัดปกคลุมประเทศ จะเปลี่ยนเป็นลมใต้ ลมตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม จะมีความชื้นอยู่บ้าง มีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองเป็นระยะๆ ช่วง เดือนมีนาคม-เมษายน จะเป็นช่วงฤดูร้อน (อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดจะอยู่ในช่วงนี้) แต่จะไม่ร้อนแรง ไม่ร้อนจัดติดต่อกันหลายวันเหมือนปีก่อน เนื่องจากมีฝนฟ้าคะนองและมีความชื้นสูง (แต่อาจมีอากาศร้อนจัดได้เป็นช่วงๆ)คาดว่าฝนจะค่าสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม แต่จะต่ำกว่าค่าปกติได้ ในเดือนมิถุนายน 2567 โดยอาจมีฝนทิ้งช่วง ดังนั้นต้องติดตามและลุ้นช่วงกลางปี ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางทิศใด

ด้านนายสมควร ต้นจาน ผอ.กองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือโนอา NOAA วัดอุณหภูมิในมหาสมุทรแปซิฟิกอยู่ที่ 0.2-0.4 องศาเซลเซียส นั่นหมายความว่าเวลานี้โลกอยู่ในสถานการณ์ของปรากฏการณ์ลานีญา อ่อนๆหรือแทบจะไม่ใช่ลานีญาเลย คืออยู่ในสภาพเป็นกลาง นั่นคือหากอุณหภูมิของน้ำทะเลในมหาสมุทรแฟซิฟิกอยู่ที่ 0 คือปรากฏการณ์เป็นกลาง 0.2-0.4 ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คือเป็นลานีญ่าอ่อนๆ ค่อนไปทางเป็นกลาง ทั้งนี้ หากจะเข้าสู่ความเป็นลานีญ่าจริงๆ อุณหภูมิของมหาสมุทรแปซิฟิกจะต้องติดลบ ตั้งแต่ลบ 1เป็นต้นไป และหากเป็นเอลนีโญ อุณหภูมิต้องมากกว่า 0.5 องศาฯ

เมื่อถามว่า หากเป็นเช่นนั้น ทำไมเวลานี้หลายๆ พื้นที่ โดยเฉพาะ กทม.จึงมีอากาศหนาวหลายวันกว่าทุกปีที่ผ่านมา ผอ.กองพยากรณ์อากาศกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า การที่มีอากาศหนาวยาวนานเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติแต่อย่างใดตรงกันข้ามคืออากาศกลับมาเป็นปกติ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา

“จากการดูสถิติของอากาศที่ทางกรมอุตุนิยมวิทยาบันทึกเอาไว้ พบว่าเมื่อ 7 ปีก่อน หรือปี 2560ตอนนั้นอุณหภูมิพื้นที่ กทม.อยู่ที่ 14.8 องศาฯ ขณะที่อุณหภูมิ กทม.เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 15.2 องศาฯ เท่านั้น หมายความว่าในปีนี้ไม่ได้หนาวที่สุดอย่างที่หลายคนคิดทั้งนี้ ในปี 2560 อากาศก็หนาวตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์” นายสมควรกล่าว