ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสาวรับบัญชีม้า รับโอนเงินแก๊งสร้างแอปฯปลอม หลอกผู้เสียหายร่วมลงทุน เสียหายกว่า 36 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.ธรรมศักดิ์ พลเดช, พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว รอง ผกก.7 บก.ทล., เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.จตุพร ติกแก้ว สว.ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล.ร่วมกันจับกุม น.ส.วิภาฯ อายุ 36 ปี ตามหมายจับ
1.กระทำความผิดตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 286/2567 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกง และนำเข้าซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นโดยประการที่อาจเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น , เปิดหรือยินยอมให้บุคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง"
2.กระทำความผิดตามหมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ จ.39/2567 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งบิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น"
3.กระทำความผิดตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.691/2567 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง และร่วมกันนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"
4.กระทำความผิดตามหมายจับของศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.449/2567 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ ร่วมกันฟอกเงิน"
5.กระทำความผิดตามหมายจับของศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 510/2567 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "สนับสนุนหรือร่วมกัมกันฉ้อโกง และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเองเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด"
6.กระทำความผิดตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.767/2567 ลงวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง น้ำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น หรือเป็นผู้สนับสนการกระทำความผิดฐานร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และเปิดหรืออินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจดนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด"
สถานที่จับกุม บ้านหลังหนึ่ง ใน ซ.สามัคคี 2 ถ.วิเศษ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ว่าได้ถูกกลุ่มคนร้ายชักชวนผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย หลอกให้ลงทุนซื้อขายหุ้น, เหรียญเงินตราต่างประเทศ ผ่านบนแอปพลิเคชันปลอมที่มีการสร้างขึ้นมา โดยมีการแอบอ้างว่ามีผลกำไรดี มูลค่าสูง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการลงทุนดังกล่าวฯ โดยเมื่อเสียหายตกหลุมพรางร่วมลงทุน มีการบอกให้โอนไปยังบัญชีของ น.ส.วิภาฯ แต่สุดท้ายเมื่อผู้เสียหายร่วมลงทุน กลับไม่สามารถนำเงินออกมาได้ตามที่กล่าวอ้าง รวมมูลค่าความเสียหายเป็นเงินจำนวนกว่า 36 ล้านบาท ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐาน นำไปสู่การออกหมายจับไว้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่า น.ส.วิภาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้น ได้อาศัยอยู่แถวบริเวณสถานที่จับกุม จึงได้ไปทำการตรวจสอบพบ น.ส.วิภาฯ อยู่บริเวณสถานที่จับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ และแสดงความบริสุทธิ์ให้ผู้ต้องหาดูเป็นที่พอใจ รับว่าตนคือบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อนหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งสิทธิ พร้อมข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบและเข้าใจดีแล้วตามกฎหมาย จึงได้จับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพว่าตนเปิดบัญชีจริง โดยมีเพื่อนสนิทชักชวนให้เปิดบัญชีดังกล่าวจริง และได้ค่าตอบแทนบัญชีละ 500 บาท
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี