กทม.ขีดเส้นสรุปผลสอบไลน์หลุดอาสาแย่งเคสสัปดาห์นี้ หากพบผิดดำเนินการทางวินัย

วันที่ 15 ม.ค.2568 นายชัชชาติสิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษม สาขากรุงเทพฯ นำผู้ป่วยจากคอนโดฯ ย่านพระราม 9 เคลื่อนย้ายไปยังโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2567 โดยไม่ได้นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่กลับพาไปส่งที่โรงพยาบาลย่านทองหล่อ ซึ่งไม่ปฏิบัติตามระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ว่า ได้สั่งการพล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และน.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไปติดตามตรวจสอบมูลนิธิดังกล่าว เพราะมูลนิธิเพชรเกษมไม่ได้อยู่ในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะการลงพื้นที่ไปยังโรงพยาบาลที่ให้ค่าตอบแทนในการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งจากข้อมูลมีโรงพยาบาล 2-3 แห่ง เพื่อให้มีหลักฐานในการจัดการได้ ซึ่ง กทม.ไม่สามารถจับได้เอง แต่จะประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงดำเนินการอย่างเด็ดขาด

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นต้องรอสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) สรุป ในส่วนของ กทม.ต้องตรวจสอบว่าข้อมูลหลุดไปได้อย่างไร ส่วนการสั่งให้รถนอกระบบยกเลิกวิ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องไปดูว่าอำนาจของ กทม.ทำได้แค่ไหนอย่างไร

ด้านน.ส.ทวิดา กล่าวว่า ได้ให้สำนักการแพทย์(สนพ.) ไปตรวจสอบข้อมูลหลุด โดยขีดเส้นภายในสัปดาห์นี้ต้องได้ข้อสรุป หากตรวจสอบแล้วพบเจ้าหน้าที่ กทม.เป็นผู้ปล่อยข้อมูลหลุดไป ต้องดำเนินการทางวินัย เพราะที่ผ่านมาศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน กรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) เคยตรวจสอบแล้วพบและได้ไล่ออกทันที ส่วนข้อสั่งการของผู้ว่าฯกทม. ที่ให้ลงพื้นที่ไปเฝ้าโรงพยาบาลที่ให้ค่าตอบแทน พล.ต.อ.อดิศร์ ได้ประสานตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตามโรงพยาบาลที่มีข้อมูลอยู่แล้ว ถ้าพบหลักฐานให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย

ส่วนการสั่งให้รถนอกระบบยกเลิกวิ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ กทม.ไม่สามารถสั่งการได้ ต้องให้ สพฉ.ไปหาแนวทางจัดการเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามหากผู้เสียหายมาร้อง กทม.ให้ตรวจสอบ กทม.ยินดีเพราะจะได้เป็นกรณีตัวอย่างที่จะต้องปรับปรุงการบริหารจัดระบบให้ดีขึ้นต่อไป

ขณะที่ นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสงผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. กล่าวว่า สพฉ. ได้ตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวที่ศูนย์เอราวัณ โดยสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องและสอบสวนเหตุการณ์กับญาติผู้ป่วยและมูลนิธิอาสาสมัครดังกล่าว พร้อมทั้งประสาน ตำรวจ เพื่อวางมาตรการดำเนินการกับมูลนิธิอาสาสมัคร โดยพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาทั้งคดีอาญาและคดีปกครอง ขณะเดียวกัน ศูนย์เอราวัณได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมรับแจ้งเหตุและสั่งการ เพื่อกำหนดมาตรการที่เข้มงวดในการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากภายนอก นอกจากนี้สนพ. ได้จัดประชุมคณะกรรมการหน่วยปฏิบัติการขั้นพื้นฐานของกทม. และเน้นย้ำ แนวทางปฏิบัติของหน่วยปฏิบัติการในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน กทม. โดยผู้บริหารกทม. ได้สั่งการและกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กู้ภัย อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) อาสาสมัครต่างๆ ให้ปฏิบัติการ ตามแนวทางที่กำหนด รวมทั้งหารือร่วมกันเพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางดำเนินการให้รัดกุมยิ่งขึ้น