ตอบรับนโยบายสนับสนุนการพัฒนาพลังงานสะอาด และไทยตั้งเป้าเพิ่มพลังงานหมุนเวียนให้เป็น 51% ของพลังงานทั้งหมดในปี 2037 กระทรวงพลังงาน ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สมาคมพลังงานลมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยภาคธุรกิจนานาชาติ ประกอบด้วย สหพันธ์การค้าชาวไทย-จีน, สมาคมอุตสาหกรรมแบตเตอรี่กวางตุ้ง, กวางตง แกรนด์เดอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลเอ็กซิบิชั่น กรุ๊ป และ คอมพาส เอ็กซิบิชั่น ประกาศความร่วมมือจัดงานแสดงสินค้าและบริการด้านพลังงานยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ภายใต้ชื่อ ASEAN Energy Storage & Smart Energy Expo 2025 ระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคม 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดมีผู้ร่วมงานจากทั่วโลกกว่า 10,000 คน
นายสายัณห์ ปานซัง ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารธุรกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)กล่าวถึงนโยบายสนับสนุนการพัฒนาพลังงานสะอาด และจากข้อมูลประเทศไทยตั้งเป้าเพิ่มพลังงานหมุนเวียนให้เป็น 51% ของพลังงานทั้งหมดภายในปี 2037 และข้อมูลภูมิภาคอาเซียน มีเป้าหมายสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวมกว่า 266 กิกะวัตต์ ภายในปี 2050 แสดงถึงโอกาสการเติบโตของธุรกิจพลังงานเป็นอย่างดี ทางภาครัฐและภาคเอกชนต่างตอบรับและมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและส่งเสริมทางเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดและนวัตกรรมอัจฉริยะในภูมิภาคอาเซียน
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืน และมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโครงการ เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และองค์กรระดับสากล ในการขับเคลื่อนอนาคตพลังงานของไทย จึงพร้อมให้การสนับสนุนการจัดงาน ASEAN Energy Storage & Smart Energy Expo 2025 ระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคม 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดและนวัตกรรมอัจฉริยะในภูมิภาคอาเซียน
นายอาร์ดา กันเลอร์ รองนายกสมาคมพลังงานลมแห่งประเทศไทย (Thai WEA) กล่าวถึงการสนับสนุนจัดงาน ASEAN Energy Storage & Smart Energy Expo 2025 งานนี้เสมือนเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญและนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดจากทั่วโลก ส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาค และขับเคลื่อนความก้าวหน้าของพลังงานที่ยั่งยืน สมาคมพลังงานลมไทย ตระหนักและให้ความสำคัญพร้อมมอบความร่วมมือสนับสนุนในความพยายามของทีมงานผู้จัดงาน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานแสดงสินค้าครั้งนี้จะสร้างแรงผลักดันให้กับผู้คนสนใจในพลังงานสะอาดทั่วทั้งภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น
นายหวัง เจ้าอวิ๋น ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท กวางตงแกรนด์เดอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็กซิบิชั่น กรุ๊ป กล่าวเสริมว่า ในปัจจุบันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ระบบกักเก็บพลังงานและพลังงานอัจฉริยะ ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญของการปฏิวัติพลังงาน กำลังนำพาอุตสาหกรรมพลังงานไปสู่ความสะอาด มีประสิทธิภาพ และชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น สำหรับกลุ่มประเทศอาเซียน ด้วยทำเลที่ตั้งที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้มีศักยภาพและโอกาสอย่างมากในการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานและพลังงานอัจฉริยะ นอกจากนี้ รัฐบาลในแต่ละประเทศยังได้ออกนโยบายสนับสนุนมากมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาของอุตสาหกรรมนี้ โดยประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม มีแผนร่วมกันที่จะติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์มากกว่า 266 กิกะวัตต์ ภายในปี 2050
สำหรับประเทศไทย ในฐานะประเทศหลักของอาเซียน กำลังเดินหน้าสนับสนุนยุทธศาสตร์ “ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก” (EEC) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative) อย่างใกล้ชิด ช่วยสร้างแรงผลักดันที่แข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจในภูมิภาค การจัดงานแสดงสินค้านี้ในประเทศไทยไม่เพียงแต่เป็นสะพานสำคัญสำหรับบริษัทจีนในการขยายสู่ตลาดไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังเป็นเหตุการณ์สำคัญในอุตสาหกรรมพลังงานใหม่อีกด้วย
ด้วยเป้าหมายแห่งความร่วมมือจัดงาน ASEAN Energy Storage & Smart Energy Expo 2025 ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มผู้ประกอบการที่พร้อมนำเสนอสินค้าและบริการครอบคลุมระบบด้านพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) อุตสาหกรรมแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน เทคโนโลยีโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ พลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด และโซลูชั่นพลังงานอัจฉริยะ มุ่งเน้นการสร้างแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนที่ครบวงจรระหว่างบริษัทในประเทศและต่างประเทศกับผู้ซื้อจากนานาชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี