ส่งฟ้อง‘อดีตสจ.’กร่าง ทำร้ายเด็ก 4 ขวบ แม่เด็กโอดครอบครัวไม่เหมือนเดิม
17 มกราคม 2568 ความคืบหน้ากรณีวันที่ 23 กันยายน 2567 เวลา 22.20 น. ที่ผ่านมา กรณีอดีต สจ.ใน จ.สิงห์บุรี ทะเลาะกับผู้นำท้องถิ่นซึ่งเป็นเพื่อนสาวคนสนิท โดยอดีต สจ. มีลักษณะมึนเมาคล้ายดื่มแอลกอฮอล์ เหตุเกิดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองสิงห์บุรี แล้ว น.ส.โฟม ที่มานั่งทานอาหารกับครอบครัว ประกอบด้วย สามี พร้อมลูกเล็ก 2 คน คือ น้องนิวตั้น อายุ 4 ปี ซึ่งเป็นเด็กพิเศษ มีพัฒนาการทางสมองช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน กับลูกชายคนเล็กอายุ 3 ปี นั่งทานอาหารโต๊ะข้างเคียงได้หันไปมองเนื่องจากเสียงดังมาก ทำให้อดีต สจ. ตะโกนเสียงดังว่า “มองหน้าทำไม” จนสามีของ น.ส.โฟม ได้ลุกขึ้นเดินมาถามว่า “พี่ว่าอะไรเมียผมหรือเปล่า”
จากนั้นไม่นานก็เกิดการทะเลาะกัน จนพนักงานในร้านได้มาห้ามปรามและแยกกันไป แต่ยังได้ยินเสียงอดีต สจ. ตะโกนขู่ว่า “บ้าน...อยู่ไหน” และตะโกนด่าคำหยาบคายตลอดเวลา โดยขณะที่ทางโต๊ะของ น.ส.โฟม กำลังรอจ่ายค่าอาหารเพื่อกลับบ้านนั้น อดีต สจ.ได้เดินมาที่โต๊ะ แล้วขว้างบุหรี่ลงพื้น และเดินอ้อมหลังสามีของ น.ส.โฟม แล้วหยิบขวดเตรียมจะฟาด แต่นายนัท สามีของ น.ส.โฟม ซึ่งนั่งโอบลูกชายคนเล็กอยู่ ได้หันมาพอดี และเกิดการผลักกันไปยังที่ถนน โดยมีคนมาช่วยจับแยกจากกัน
น้องนิวตั้น อายุ 4 ขวบ ด้วยความเป็นห่วงพ่อของตัวเอง ได้วิ่งไปดูเหตุการณ์ จังหวะนั้นอดีต สจ. หันมาเห็นก็วิ่งไปกระชากศีรษะน้องนิวตั้น และเหวี่ยงลงกับพื้นทำให้ศีรษะและร่างกาย น้องนิวตั้น กระแทกกับพื้นอย่างแรง นายนัท เห็นดังนั้นจึงวิ่งใส่อดีต สจ. และต่อยตีกัน ส่วนคนรอบข้าง และ น.ส.โฟม ได้มาจับแยก พร้อมทั้งรีบพาครอบครัวตัวเองขึ้นรถและไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสิงห์บุรี
น.ส.โฟม เล่าว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นผ่านมา 3 เดือน 24 วัน ชีวิตครอบครัวก็เปลี่ยนแปลง จากที่ครอบครัวที่มีความสุขทุกวัน ทำงานกันทั้ง 2 คน คือ ตนและสามี ตอนเย็นก็พาลูกทั้งสองไปทานอาหารมื้อเย็นที่ร้านอาหารที่ลูกชายชอบ น้องนิวตั้นถึงแม้จะเป็นเด็กพิเศษ แต่เป็นเด็กร่าเริง เข้ากับคนได้ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ แต่ตั้งแต่น้องโดนอดีต สจ.ทำร้าย ตนต้องลางานบ่อยเพื่อมาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสิงห์บุรี เพื่อสอบปากคำ และยังต้องลางานเพื่อพาลูกไปพบแพทย์
ทั้งนี้ ช่วงแรกลูกมีอาการเครียดจนอาเจียน และพูดถึงมีคนใจร้ายมาทำร้ายอยู่บ่อยๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ใหญ่ ถ้านึกได้ก็จะพูดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น พูดถึงคนใจร้ายมาทำร้ายตัวเอง ความกล้าที่เคยมีก็ลดลงเหมือนกลัวโดนดุ โดนตี ถ้าโดนใครดุนิดเดียวก็จะร้องไห้ทันที ความร่าเริงก็ลดลง ตัวเองและครอบครัวจากเคยไปทานข้าวตอนเย็นกันบ่อยๆก็ลดลง ส่วนร้านที่เคยไปน้องจะไม่อยากไปอีกเลย
น.ส.โฟม กล่าวว่า ตนเคยถามแพทย์ว่าพฤติกรรมที่ลูกเป็นจากที่ไม่เคยเป็น คือ อยู่คนเดียวไม่ค่อยได้ และพูดอะไรซ้ำๆ แบบนี้มันจะหายไปเองไหม แพทย์บอกว่าก็หายได้ แต่ต้องใช้เวลา แต่เหตุการณ์ที่โดนทำร้าย เขาก็จะไม่ลืม เพราะมันจะเป็นปม เป็นสิ่งไม่ดี ส่วนตนก็ลาออกจากงานประจำที่เคยทำเพราะช่วงนั้นเกรงใจคนที่ทำงานที่ตนเองต้องลาบ่อยๆ แม้กระทั่งปัจจุบัน ตนก็ยังต้องพาลูกไปพบแพทย์ตามนัดตลอด
น.ส.โฟม เล่าว่า ส่วนคู่กรณีตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในวันที่ 23 กันยายน ปีที่แล้วนั้น ไม่เคยมาหาหรือมาดูอาการของลูกชายของตนด้วยตัวเองเลย มีแต่โทรมาถามในช่วงแรกที่เกิดเหตุโทรมา 2 ครั้ง และก่อนที่ตำรวจจะเรียกคู่กรณีไปรับทราบข้อกล่าวหาประมาณเกือบสิ้นปี รอบสุดท้ายได้โทรมาถามว่าลูกตนเป็นอย่างไรบ้าง เป็นจริงใช่ไหม ไม่ใช่พูดเอาเอง และคนที่เป็นผู้นำท้องถิ่นเคยโทรมาพูดว่าอดีต สจ. ไม่ได้ทำร้าย เขาแค่ชนเฉยๆ และ อดีต สจ. เคยประสานกับตำรวจว่าจะมาหาตนที่บ้าน แต่เมื่อถึงวันและเวลานัดก็ไม่ได้มาตามนัด ตนเองกลัวคดีจะไม่คืบหน้า
ด้าน พ.ต.อ.ปฏิกรณ์ หาญหัตถกิจ ผกก.สภ.เมืองสิงห์บุรี กล่าวว่า สำนวนในคดีนี้ได้ส่งฟ้องไปแล้วในข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส” และมีนัดส่งตัวผู้ต้องหาในวันอังคารที่ 21 มกราคม 2568 ที่จะถึงนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี