‘กทม.’ประกาศขอความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน‘WFH’ 20-21 ม.ค.68 คาดการณ์ค่าฝุ่นสัปดาห์หน้าเป็น‘สีส้ม’ มีอัตราระบายลมต่ำ ด้าน‘ผู้บริหาร รร.’สั่งเปิด-ปิดได้ตามหลักเกณฑ์และดุลยพินิจ
17 มกราคม 2568 นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการปรับมาตรการ WORK FROM HOME (WFH) ตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ของกรุงเทพมหานครว่า จากการคาดการณ์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับค่าฝุ่น PM2.5 ในวันจันทร์และอังคารที่ 20 - 21 ม.ค. 68 พบว่า
1. มีเขตที่ค่าฝุ่นเข้าเกณฑ์สีส้ม 35 เขตขึ้นไป
2. อัตราการระบายอากาศไม่ดี คือ อยู่ระหว่าง 875 - 2,250 ตารางเมตรต่อวินาที (m2/s)
3. จุดเผา 5 วันที่ผ่านมา (11 - 15 ม.ค. 68) เกินวันละ 80 จุด
จึงประกาศ WFH ในวันที่ 20 - 21 ม.ค. 68 ซึ่งยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบว่าฝุ่น PM2.5 ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง จะประกาศ WFH ต่อไปจนถึงวันที่ 24 ม.ค. 68 โดยได้มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้กับภาคีเครือข่าย WFH รับทราบล่วงหน้า เพื่อให้สามารถวางแผนการทำงานล่วงหน้า และลดผลกระทบกับหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ ที่เข้าร่วม
ปัจจุบันมีหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ เข้าร่วมกับ กทม. เป็นภาคีเครือข่าย WFH ประมาณเกือบ 100,000 คน จึงขอเชิญชวนหากใครประสงค์จะร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนกับ กทม. ได้ผ่านลิงก์ https://bit.ly/3Nn25nR?r=qr ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2203 2951
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร ยังมีมาตรการอื่น ๆ คือ
+ โรงเรียนในกรุงเทพมหานคร ให้ผู้บริหารใช้ดุลยพินิจปิดโรงเรียนตามสถานการณ์ฝุ่นและเกณฑ์ที่กำหนด
สำหรับการปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร ให้ผู้บริหารพิจารณาดำเนินการดังนี้
1. ค่า PM2.5 ระหว่าง 37.6 - 75 มคก./ลบ.ม. (ระดับธงคุณภาพอากาศสีส้ม) ผู้อำนวยการสถานศึกษา ใช้ดุลยพินิจปิดการเรียนการสอนตามอำนาจ ครั้งละไม่เกิน 3 วัน ผู้อำนวยการเขต ใช้ดุลยพินิจปิดการเรียนการสอนตามอำนาจ ครั้งละไม่เกิน 7 วัน
2. ค่า PM2.5 มากกว่า 75 มคก./ลบ.ม. (ระดับธงคุณภาพอากาศสีแดง) ต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วัน ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ใช้ดุลยพินิจปิดการเรียนการสอนตามอำนาจ ครั้งละไม่เกิน 15 วัน เมื่อฝุ่นละออง PM2.5 มีค่าสูงเกิน 2 - 5 เขต ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ใช้ดุลยพินิจปิดการเรียนการสอนตามอำนาจ โดยไม่จำกัดระยะเวลา เมื่อฝุ่นละออง PM2.5 มีค่าสูงเกิน มากกว่า 5 เขต
ทั้งนี้ หากมีการปิดการเรียนการสอน ให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนชดเชยในภายหลัง หรือพิจารณาจัดการเรียนการสอนในรูปแบบทางเลือกทดแทน เช่น การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ เป็นต้น โดยหากไม่ปิดการเรียนการสอน โรงเรียนจะต้องมีพื้นที่ Safe Zone ให้นักเรียนกลุ่มเปราะบางและทุกคนในโรงเรียน และดำเนินการตามมาตรการป้องกันฝุ่นละอองอย่างเคร่งครัด
+ เพิ่มมาตรการแนวทางปฏิบัติราชการวิถีใหม่ ให้ข้าราชการ กทม. ปรับการทำงานตามสถานการณ์ฝุ่นอย่างเหมาะสม
สำหรับข้าราชการ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (สำนักงาน ก.ก.) ได้ปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติราชการที่รองรับวิถีชีวิตและการทำงานวิถีใหม่ของกรุงเทพมหานครให้เหมาะสมตามสถานการณ์ความรุนแรงของฝุ่นละออง PM2.5 โดยมีรูปแบบของการปฏิบัติงาน อาทิ การปฏิบัติงาน ณ สถานที่ตั้ง โดยการเหลื่อมเวลาทำงาน, การปฏิบัติงาน ณ สถานที่ตั้ง โดยการนับชั่วโมงทำงาน, การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง ใช้กับงานวิชาการที่ไม่ต้องติดต่อกับผู้รับบริการหรือบุคคลภายนอกมากนัก และสามารถส่งงานผ่านระบบออนไลน์ได้ เป็นต้น
+ ยอดรถยนต์ 6 ล้อ ขึ้นบัญชีสีเขียวเกินเป้า ช่วยลด PM2.5 จากภาคจราจรแล้ว 12%
สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร (สสล.) รายงานว่า ขณะนี้มีรถยนต์ 6 ล้อ ขึ้นบัญชีเขียว (Green List) แล้ว 31,041 คันจากเป้าหมาย 10,000 คัน (310%) และมีรถยนต์ทั่วไปร่วมเข้าโครงการ รถคันนี้ลดฝุ่น หรือโครงการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์ 229,711 คัน จากเป้าหมาย 500,000 คัน ช่วยลด PM2.5 จากภาคจราจรแล้ว 12% และฝุ่นจากทุกแหล่งกำเนิดได้ 8% หากครบ 500,000 คันตามเป้าหมาย จะสามารถลด PM2.5 ได้ 25%
นอกจากนี้ จากการทดสอบใช้ระบบกล้อง CCTV ตรวจจับรถยนต์ 6 ล้อขึ้นไปที่เข้าในวงแหวนรัชดาภิเษก หรือเขตควบคุมฝุ่น Low Emission Zone (LEZ) ระหว่างวันที่ 11 - 16 ม.ค. 68 พบว่า มีรถยนต์ 6 ล้อเข้าพื้นที่ 9,881 คัน เฉลี่ย 1,647 คันต่อวัน เป็นรถยนต์ในบัญชีเขียว 1,630 คัน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี