"สพฐ."เปิดสำรวจความคิดเห็นหนุนเลื่อนเปิดภาคเรียนจาก 16 พ.ค.เป็น 1 พ.ค.เพื่อแก้ปัญหาคร่อมปีงบประมาณ เตรียมเสนอรมว.ศึกษาธิการ
เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2568 ที่โรงแรมน่านกรีนเลควิว รีสอร์ท จ.น่าน ศ.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(ประธาน กพฐ.) ได้จัดประชุมสรุปผลภายหลัง คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) นอกสถานที่ (กพฐ.สัญจร) จ.น่าน ซึ่งได้แบ่งเป็น 5 คณะ ลงตรวจเยี่ยมการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนระดับชั้นประถมฯและมัธยมฯใน จ.น่าน เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ., คณะกรรมการ กพฐ. และผู้บริหารการศึกษา เข้าร่วม มีนายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าฯน่าน กล่าวต้อนรับ
ทั้งนี้ ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. กล่าวในการประชุมฯ ว่า สืบเนื่องจาก พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. มีนโยบายและแนวคิดว่าระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเรื่องการเปิดปิดสถานศึกษาใช้มานานมากแล้ว ประกอบกับช่วงนี้ สภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง กาลเวลา ได้ปรับเปลี่ยนไป การจัดการศึกษา จึงน่าจะลองมาทบทวนเรื่องการเปิดปิดภาคเรียน ซึ่งเดิมมีการเปิดภาคเรียนในวันที่ 16 พฤษภาคม และปิดภาคเรียนวันที่ 10 ต.ค. ซึ่งคร่อมปีงบประมาณ สพฐ. จึงมีแนวคิดว่าจะเลื่อนการเปิดภาคเรียนเป็นวันที่ 1 พ.ค. - 30 ก.ย. เพื่อให้สอดคล้องกับอีกหลายๆระเบียบหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง และเกิดประโยชน์กับผู้ปกครองในการนับอายุเด็กที่จะเข้าเรียน เกิดประโยชน์กับการบริหารราชการ เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนรายหัว คร่อมปีงบประมาณ รวมถึงจะเชื่อมโยงการบริหารอัตรากำลังครู จะเอื้อกับการเบิกค่าเล่าเรียนบุตรกับกรมบัญชีกลาง และเพื่อให้สอดคล้องกับการจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีของสถานศึกษา และเพื่อให้นักเรียนชั้น ม.3 และ ม.6 มีโอกาสแก้ผลการเรียนได้ทันปีการศึกษา อีกทั้ง ยังลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มโอกาสทางการศึกษาในปีถัดไปของนักเรียน
“รมว.ศธ. มอบให้ เลขาฯ สพฐ. ไปหารือกับ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่ามีความเห็นหรือข้อเสนอแนะอย่างไร เพื่อนำกลับไปเสนอให้ รมว.ศธ.พิจารณา สพฐ.จึงได้มอบให้สำนักติดตามฯสอบถามความคิดเห็น เรื่อง การแก้ไขระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการเปิดและปิดภาคเรียน พ.ศ. 2549 แก่ ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ประชาชนทั่วไป คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหารการศึกษา ศึกษานิเทศ นักวิชาการศึกษา และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จำนวน 47,467 คน เพื่อเป็นข้อมูลพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ผ่าน google form ว่าเห็นด้วยหรือไม่ กับข้อเสนอการแก้ไขวันเปิดและปิดภาคเรียนที่ 1 โดยสอบถามระหว่างวันที่ 6-8 พ.ย. 2567 และสรุปผล วันที่ 8 พ.ย.2567 ผลการสำรวจพบว่า 87.94 % เห็นด้วยกับการเลื่อนวันเปิด ส่วน 12.06 % ไม่เห็นด้วย ส่วนที่มีคนกังวลเรื่องการนับอายุเด็ก ก็จะไปพิจารณา เพราะรัฐมนตรีให้มีการทำงานแบบยืดหยุ่นและยึดประโยชน์ของประชาชนและนักเรียนเป็นที่ตั้ง รัฐมนตรีให้สพฐ.ไปฟังความคิดเห็นร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เกี่ยวข้องด้วย ว่าจะเกิดประโยชน์อย่างไร เพราะถ้าเลื่อนการเปิดภาคเรียน อาชีวะฯ, สช., สกร. การศึกษาท้องถิ่นก็ต้องเลื่อนหมด จึงต้องรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย“ เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เนื่องจากมีคนเสนอตนมาว่าอยากให้ขยับวันเปิดภาคเรียน จากเดิมเปิดวันที่ 16 พ.ค. และปิด 11 ต.ค. ซึ่งคร่อมปีงบประมาณ จึงควรให้ปีการศึกษาอยู่ในช่วง 30 ก.ย. จะไม่กระทบกับเรื่องการแต่งตั้ง การทำกรอบงบประมาณ นมโรงเรียน และช่วงปิดเทอมแรกก็จะนานขึ้นทำให้เด็กของเราได้พักและแก้ผลการเรียนรวมถึงการย้ายครู ผู้บริหารจะได้ไม่คร่อมปีงบประมาณ แต่นี้ก็เป็นเพียงความคิดเห็น ก็ต้องไปรับฟังความจากทุกหน่วยก่อน และดูว่าอันไหนเกิดประโยชน์มากที่สุด ทุกอย่างเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน มีประโยชน์ และมีโทษ ก็ดูว่าอะไรที่มากกว่า ถ้าการเปลี่ยนแล้วโทษมากกว่า ก็ไม่เปลี่ยน ไม่ได้บอกว่าต้องเปลี่ยน ตอนนี้อยู่ในขบวนการศึกษาและรับฟังความคิดเห็น ขณะนี้พึ่งเริ่มฟังความเห็นจาก สพฐ.ซึ่งเพราะเป็นหน่วยใหญ่ ถ้าสพฐ.เห็นว่าน่าจะเปลี่ยน ก็จะเริ่มในปีการศึกษา 2569 แต่ถ้าโรงเรียนไหนไม่พร้อมที่จะขยับเปิดเรียนเป็นวันที่ 1 พ.ค. ก็ไม่เป็นไร เราเพียงเสนอแนวคิดและกรอบใหญ่ๆเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี