ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย ทพญ.ปาริชาติ ลุนทา ผู้อำนวยการกลุ่ม สปสช. เขต 1 เชียงใหม่ และนายถนอมศักดิ์ ชัยมินทร์ สาธารณสุขอำเภอแม่ฟ้าหลวง (สสอ.แม่ฟ้าหลวง) ลงพื้นที่ ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา เพื่อเยี่ยมชมการจัดโครงการคัดกรองความผิดปกติทางสายตาและแก้ไขปัญหาการมองเห็นไม่ชัดในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองใน (อบต.แม่สลองใน) บูรณาการร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเล่าลิ่ว (รพ.สต.บ้านเล่าลิ่ว) และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ผ่านกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ (กปท.)
นายปิยะเดช เชิงพิทักษ์สกุล นายก อบต.แม่สลองใน กล่าวว่า ด้วยพื้นที่ ต.แม่สลองใน เป็นพื้นที่สูง และเต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน ทำให้การเดินทางค่อนข้างมีความยากลำบาก ส่งผลให้ประชากรในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุอาจเข้าไม่ถึงจุดบริการตัดแว่นสายตาที่มักอยู่ในตัวเมือง อีกทั้งแม้จะสามารถรวมกลุ่มกันเพื่อเช่าเหมารถในราคาประมาณ 1,000 บาท ในการไปเข้าในตัวเมืองได้ แต่ก็อาจติดอุปสรรคในเรื่องการสื่อสาร
เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น อาข่า ล่าหู่ จีน ไทใหญ่ ฯลฯ ไม่รวมค่าบริการตัดแว่นที่ต้องจ่ายเอง ดังนั้น อบต.แม่สะลองใน จึงได้ร่วมกับ รพ.สต.บ้านเล่าลิ่ว และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ฯลฯ จัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ผู้สูงอายุกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ได้เข้าถึงบริการตรวจคัดกรองความผิดปกติสายตา และแก้ไขปัญหาการมองเห็นไม่ชัด โดยไม่มีการเก็บค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ จากการคัดกรองในพื้นที่ความดูแลของ รพ.สต.บ้านเล่าลิ่ว จำนวน 5 หมู่บ้าน พบผู้สูงอายุที่มีปัญหาความผิดปกติด้านสายตาสั้นหรือสายตายาว 127 คน ซึ่งในกลุ่มนี้จะได้รับแว่นสายตาที่ตัดตามค่าสายตา นอกจากนี้ ยังพบผู้สูงอายุที่สงสัยเป็นโรคต้อกระจก และได้มีการส่งต่อเพื่อพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง เพื่อการวินิจฉัย 14 คนผู้สูงอายุที่เป็นต้อเนื้อ 1 คน และผู้สูงอายุที่มีสายตายาวหรือสั้น และมีปัญหาสายตาเอียงร่วมด้วย 1 คน อย่างไรก็ดีในจำนวนนี้เป็นเพียงผู้สูงอายุกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนหนึ่งในพื้นที่ ต.แม่สะลอง ที่อยู่ในการดูแลของ รพ.สต.บ้านเล่าลิ่ว
ซึ่งครอบคลุม 5 หมู่บ้าน จากทั้งหมด 28 หมู่บ้านเท่านั้น โดยยังมีผู้สูงอายุกลุ่มชาติพันธุ์อีกประมาณ 1,200 คน จากจำนวนประชากรทั้งหมด 2 หมื่นคน ฉะนั้นหลังจากนี้ทาง อบต.แม่สะลองใน จึงจะมีการร่วมกับ รพ.สต. พื้นที่อื่นๆ ใน ต.แม่สะลองใน เพื่อจัดโครงการนี้ ผ่าน กปท. ให้ประชาชนได้รับบริการอย่างทั่วถึงต่อไป การจัดโครงการคัดกรองสายตาและตัดแว่นนี้ถือเป็นครั้งแรกของใน จ.เชียงราย ที่มีการทำโครงการในลักษณะนี้ ซึ่งจะมีการจัดต่อๆ ไปให้ครอบคลุมทุกพื้นที่แน่นอน เพราะจากวันนี้ที่เห็นผลตอบรับค่อนข้างดี
ด้าน ทพ.อรรถพร กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีในการนำบริการมาหาประชาชนให้ได้รับบริการอย่างทั่วถึง เพราะลักษณะพื้นที่ ต.แม่สะลองใน คือเป็นพื้นที่สูง การจะไปรับบริการที่โรงพยาบาลใกล้ที่สุดคือ โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวงที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะเดียวกันผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ก็จะมีปัญหาเรื่องสายตา ไม่ว่าจะสายตาสั้น หรือสายตายาว ซึ่งเป็นความเสื่อมของอวัยวะตามวัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และจำนวนหนึ่งก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับโรคทางสายตาด้วย โดยหากไม่ได้รับการรักษาก็จะกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน และประกอบอาชีพอย่างมาก เช่น ใน ต.แม่สะลองในที่ประชากรส่วนหนึ่งจะประกอบอาชีพในการทำงานฝีมือขาย และหากสายตาไม่ดีผลผลิตก็อาจจะทำได้ไม่มาก ขณะที่โรคต่างๆ เกี่ยวกับสายตาสามารถรักษาได้ไม่ยาก
ซึ่งการนำบริการมาถึงที่นี่จึงทำให้เกิดประโยชน์หลายอย่าง ที่สำคัญยังเป็นความคิดริเริ่มผู้นำท้องถิ่น ภายใต้การใช้งบ กปท. ที่มีวัตถุประสงค์ในการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (P&P) เป็นสำคัญ โดยนำปัญหาของพื้นที่เป็นตัวตั้ง และสามารถทำต่อเนื่องได้ทุกปี ซึ่งการตรวจคัดกรองความผิดปกติทางสายตา และการตัดแว่นไม่ได้จำกัดแค่ผู้สูงอายุ แต่ในเด็กที่มีปัญหาทางสายตาก็สามารถทำโครงการลักษณะนี้ใช้ได้เหมือนกัน เพราะสายตาของเด็กมีความสำคัญต่อพัฒนาการ และการเรียนรู้มาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี