สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา ร่วมกับแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เครือข่ายคนไทยไร้พุง เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวานและเครือข่ายเด็กไทยแก้มใส จัดงาน มหกรรมรู้เท่าทันสื่อ รู้เท่าทันสุขภาพ “อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน (ลดหวาน มัน เค็มเพิ่มผัก และผลไม้)” เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
นางญาณี รัชต์บริรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา สสส. กล่าวว่า ไทยมีเด็กที่เป็นโรคอ้วนสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศในกลุ่มอาเซียน รองจากประเทศมาเลเซีย และบรูไน จากข้อมูลการเฝ้าระวังภาวะเริ่มอ้วนและอ้วนในเด็ก (Health Data Center) ปี 2566 โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบเด็กอายุ 0-5 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน 9.13% เด็กวัยเรียนอายุ 6-14 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน 13.4% เด็กวัยรุ่นอายุ 15-18 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน 13.2%
สาเหตุจากพฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพ เช่น การบริโภคอาหารที่เน้นหวาน มัน เค็ม และขาดการออกกิจกรรมทางกาย นำไปสู่การเสี่ยงป่วยโรคไม่ติดต่อ หรือ NCDs สอดคล้องกับสถานการณ์การบริโภคอาหาร ความมั่นคงทางอาหาร และความรอบรู้ด้านอาหารของประชากรไทย ปี 2567 โดย สสส. และสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พบเด็กวัยเรียนอายุ 6-14 ปี กินขนมรสเค็มมากที่สุด 84.1% กินเฉลี่ย 1.35 ซองต่อวัน รองลงมาเป็นกลุ่มเด็กเล็ก อายุ 1-5 ปี กินขนมรสเค็ม 76.5% กินเฉลี่ย 1.23 ซองต่อวัน
จากการคาดการณ์ของสหพันธ์โรคอ้วนโลก (World Obesity Federation) ในปี 2573 จะมีเด็กอ้วนทั่วโลกเพิ่มสูงถึง 50% ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าว สสส. จึงสานพลังภาคี ขับเคลื่อนโครงการสื่อสร้างสรรค์ฯ ภายใต้หัวข้อ “อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน (ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผัก และผลไม้)” เพื่อสร้างค่านิยมเปลี่ยนพฤติกรรมเรื่องโภชนาการ ผ่านกระบวนการออกแบบสื่อสร้างสรรค์และนวัตกรรมต้นแบบลดอ้วนในเด็ก เน้นสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้บริหารสถานศึกษา ครู ชุมชน ครอบครัว และนักเรียนแกนนำ
ส่งเสริมการนำบริบทชุมชนมาออกแบบสร้างอัตลักษณ์และสอดแทรกองค์ความรู้ด้านสุขภาพเข้าไปในกระบวนการ ตอบโจทย์เป้าหมายในเรื่องของการมีสุขภาวะดีทั้ง 4 มิติ ทั้งนี้ สำหรับผลงานสื่อสร้างสรรค์และนวัตกรรมต้นแบบที่ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และรางวัลพิเศษ WOW Awards จะถูกนำไปใช้ขยายผลในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทั่วประเทศ เพื่อสื่อสารรณรงค์ให้เด็กไทยมีสุขภาพดีต่อไป
ดร.ดนัย หวังบุญชัย ผู้จัดการแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า โครงการสื่อสร้างสรรค์ฯ ภายใต้หัวข้อ “อย่าปล่อยให้เด็กอ้วน” ขับเคลื่อนเข้าสู่ปีที่ 5 ที่ผ่านมามีการนำกระบวนการทำงานสร้างนวัตกรรมสื่อสร้างสรรค์เข้าไปบูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มของสถานศึกษา ซึ่งสิ่งที่เรียกว่านวัตกรรม แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 1.นวัตกรรมกระบวนการการทำงานอย่างมีส่วนร่วม เปิดโอกาสให้นักเรียน ครู ผู้บริหารได้สื่อสารนวัตกรรมสื่อรณรงค์ให้เพื่อนๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกัน
2.นวัตกรรมของสื่อ ต้องเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ เช่น ท่าออกกำลังกายนวัตกรรมเมนูอาหารสุขภาพที่ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผักและผลไม้ 3.นวัตกรรมการยกระดับและการขยายผล โดยให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการออกแบบโภชนาการและกิจกรรมที่เหมาะสม ทำให้เด็กไม่เนือยนิ่ง และไม่บริโภคอาหารที่เป็นปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ ส่งผลให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง มีสติปัญญา พร้อมเป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศชาติในอนาคต ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจรับชมผลงานที่ได้รับรางวัลทั้งหมด สามารถติดตามได้ที่ www.artculture4health.com
ดร.สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย และผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. กล่าวว่า การดำเนินโครงการในระยะเวลา 3-5 ปี ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่านวัตกรรมที่จับต้องได้ คือ 1.สื่อสร้างสรรค์ที่โดนใจเด็ก ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ไม่เคยเกิดขึ้นในไทยมาก่อน เด็กสามารถนำความรู้ไปใช้เป็นแนวทางปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง และลดความอ้วนได้
2.กระบวนการโน้มน้าวปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกายของเด็ก โดยให้เด็กได้สร้างสรรค์และใช้สื่อนั้นด้วยตัวเอง นำไปใช้กับเพื่อน และพ่อแม่ เกิดเป็นความเชื่อมโยงระหว่างโรงเรียน บ้าน และชุมชน ตอบโจทย์ขับเคลื่อนงานแบบบูรณาการและการสร้างการมีส่วนร่วมของสังคม ช่วยให้เด็กไทยเติบโตมีสุขภาพดีสมวัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี