มดกัดกับควาย! ‘อดีตมือปราบ’สะท้อนภาพ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ แนะ 4 วิธีสำคัญ
20 มกราคม 2568 พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ และมือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โพสต์เฟซบุ๊ก “Panya Maman” แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปราบปราม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ระบุว่า...
วันนี้ขอพูดเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นอาชญากรรมข้ามชาติประเภทหนึ่ง จัดตั้งองค์กรแบบแบ่งหน้าที่กันทำ มีเจ้าของคอลเซ็นเตอร์เป็นนายทุน อาจเป็นคนจีนหรือไต้หวันหรือชาติอื่นๆ และจัดตั้งศูนย์โทรศัพท์สำหรับเอาคนที่พูดหรือสื่อสารภาษาเดียวกับเหยื่อ ไปตั้งไว้อีกประเทศหนึ่ง เพื่อง่ายแก่การควบคุมและยากต่อการจับกุม
เป้าหมายขององค์กรนี้เพื่อเอาเงินออกจากแบงค์หรือสถาบันการเงิน โดยหลอกให้เหยื่อคือผู้มีบัญชีเงินไว้กับธนาคารช่วยเคลื่อนย้ายเงินหรือบอกรหัสเพื่อเคลื่อนย้ายข้อมูลในแบงค์นั้นๆ
ฉะนั้นการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เราต้องเด็ดหัวนายทุน
ทำลายที่ตั้งศูนย์โทรศัพท์
หยุดขบวนการนำพาคนไปโทรศัพท์ในศูนย์
หยุดขบวนการที่จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงบัญชีธนาคารของเหยื่อและบัญชีม้าบัญชีแมวทั้งหลาย
ผลการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เท่าที่รับทราบข้อมูลเป็นเพียงพยายามปิดบัญชีม้า/แมว โดยเจ้าหน้าที่รัฐร่วมมือกับธนาคาร
แต่จริงๆแล้วธนาคารจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรงเพราะเป็นผู้ครอบครองเงินในบัญชีต่างๆของเหยื่อ และจะโดยเจตนาหรือเจตนาเล็งเห็นผลหรือน่าจะควรทราบว่าการเปิดบัญชีม้าแมวแบบผิดปกติจะเป็นส่วนร่วมในอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งน่าจะมีส่วนรับผิด(แพ่งหรืออาญา)หรือรับชอบ(ค่าธรรมเนียมเปิดบัญชีหรือการโอน)
แต่การดำเนินการในส่วนนี้ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายหรือกฎระเบียบให้แบงค์หรือธนาคารเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์เคลื่อนย้ายเงินของเหยื่อไป รวมทั้งการดำเนินการในการสืบสวนสอบสวนตามพฤติการณ์ที่เป็นจริง โดยตั้งเรื่องว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอาชญากรข้ามชาติที่มุ่งหมายจะเอาเงินออกจากธนาคารโดยหลอกลวงให้เหยื่อคือผู้เปิดบัญชี กับธนาคารเป็นคนช่วยดำเนินการ ซึ่งการสืบสวนสอบสวนในแนวทางนี้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบน่าจะเป็นท่านอัยการสูงสุดเพราะความผิดบางส่วนทำนอกราชอาณาจักรไทยหรือถ้าเป็นการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติก็น่าจะเป็นท่าน ผบ.ตร.
อีกข้อสังเกตหนึ่งก็คือผลการปราบปรามที่ผ่านมายังไม่สามารถนำตัวนายทุนหรือเจ้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาดำเนินคดีได้
ที่เห็นๆอยู่ปัจจุบันก็คือความพยายามที่จะไปตัดน้ำตัดไฟ ไปตัดสายโทรศัพท์ ไปตัดสายอินเตอร์เน็ต อีกทั้งหน่วยที่ใช้ในการดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ใช้หน่วยตั้งใหม่ ขนาดจิ๋ว อาจขาดประสบการณ์ในการปราบปราม
เหมือนเอามดแดง มดดำไปกัดกับควายซึ่งหนังหนาล้มมันยาก
จากสภาพที่เห็น ข้าพเจ้าซึ่งเคยร่วมในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งในไทย และนำทีมไปร่วมกับตำรวจจีนและประเทศอื่นๆ เห็นว่า ผลการต่อสู้น่าจะยังทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีฤทธิ์เดชเพิ่มขึ้นมา ก่อกรรมทำเข็นกับพี่น้องคนไทยให้หวั่นไหวอยู่ร่ำไป
สิ่งที่น่าทำเพิ่มเติมคือ
(1) ป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐไปรับผลประโยชน์หรือส่วยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์
(2) ช่วยประเทศจีนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในไทยแล้วไปหลอกคนจีนในประเทศจีน ให้ตำรวจจีนนำผู้ต้องหาเหล่านี้ไปขยายผลให้ถึงนายทุนหรือเจ้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของเดียวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งในประเทศอื่นมาหลอกคนไทย
(3) นำธนาคารซึ่งครอบครองเงินของเหยื่อในบัญชีที่เปิดไว้มาเป็นผู้เสียหายในคดีอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ธนาคารจะพัฒนาระบบ AI หยุดยั้งการเคลื่อนเงินหรือข้อมูลที่ผิดปกติได้ หรือนำระบบหน่วงเวลาต่างๆมายุติการนำเงินออกจากธนาคารได้ เหมือนเช่นการที่ธนาคารเป็นผู้เสียหายในคดีแก๊งลักบัตรเครดิตหรือปลอมบัตรเครดิต ธนาคารก็ตั้งศูนย์ตรวจสอบการใช้บัตร เมื่อเห็น ว่าผิดปกติก็จะโทรไปถามผู้ถือบัตร พอรู้เหตุธนาคารก็ไม่จ่ายเงิน โจรก็ไม่ได้เงิน สิ่งที่โจรลงทุนไปก็เสียเปล่าสุดท้ายยอมแพ้
(4) สำหรับตำรวจ น่าจะให้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นเจ้าภาพในการปราบปรามเพราะมีหน่วยที่มีประสบการณ์ มีหน่วยกำลัง ส่วนหน่วยอื่นๆเป็นหน่วยช่วยสนับสนุน
เหมือนเอาช้างไปชนกับควาย โดยเอามดมาช่วยช้าง
นี่คือมุมมองของกระผมครับ อาจเกิดประโยชน์และช่วยทำให้เรายุติปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงรบกวนคนไทยได้ ขออภัยที่สื่อสารแบบบ้านๆครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี