ศาลอาญาสั่งจำคุก"ทนายเดชา" 1 ปี ปรับ 1 แสน รอลงอาญา 2 ปี ไลฟ์สดหมิ่น"อ.อ๊อด"ได้รับความเสียหาย ด้าน"ทนายเดชา"เตรียมอุทธรณ์สู้คดี จ่อฟ้องกลับหมิ่นให้ข่าวเท็จโพสต์เฟชฯนั่งร้องไห้ถูกราชทัณฑ์ใส่กุญแจมือ เอาตัวไปขังคุกใต้ถุนศาล

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 22 มกราคม 2568 ที่ห้องพิจารณา 711 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำอ.2687/66 ที่รศ.วีรชัย พุทธวงศ์   หรือ อ.อ๊อด อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์เป็นโจทก์ฟ้องนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 และมาตรา 393 ฐานดูหมิ่นด้วยการโฆษณา

โจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 66 จำเลยได้ไลฟ์สดในช่อง ติ๊กต็อก  และช่องยูทูป ของจำเลยโดยถ้อยคำบางช่วงบางตอนใส่ร้ายโจทก์ทำนองว่า โจทก์เป็นคนอัปรีย์จัญไร ไม่รู้ว่าเป็นอาจารย์จริงหรือเปล่าต้องไปถามทางมหาวิทยาลัยและถ้อยคำอื่นๆ ทำให้คนดูเข้าใจว่าโจทก์ ไม่ใช่อาจารย์จริง ไม่เคยสอนหนังสือ ถ่ายรูปคู่กับเบียร์  ซดเบียร์ตลอด โพสต์เฟซบุ๊กตลอดเหมือนคนป่วย ชอบวิจารณ์คนดังและอื่นๆ

การกระทำของจำเลย ทำให้โจทก์ ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย

จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีและได้รับการประกันตัว

โดยวันนี้นายเดชา พร้อมคณะเดินทางมาศาล

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว เห็นว่า คำว่าอัปปรีย์จัญไรที่จำเลยกล่าว แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อโจทก์ แต่ประชาชนที่ได้ยินได้ฟังย่อมเข้าใจได้ว่า หมายถึงโจทก์ ซึ่งเป็นถ้อยคำรุนแรง ข้ออ้างจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ มีความผิดจริง

พิพากษาจำคุก จำเลย 1 ปี ปรับ 100,000 บาท จำเลยไม่เคย ต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุก จึงให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี

ภายหลังนายเดชา ชำระค่าปรับแล้ว ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า คดีนี้ศาลเห็นว่าถ้อยคำที่ตนพูด มีความรุนแรง แม้ตนจะไม่เอ่ยชื่อโจทก์ก็ตามซึ่งตนเป็นทนายความ ก็ยอมรับคำตัดสินของศาล แต่ก็จะยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน

นอกจากนี้ ตนเตรียมจะฟ้องกลับ อาจารย์อ๊อดด้วยข้อหาหมิ่นประมาทให้ข่าวเท็จ เพราะอาจารย์อ๊อดลงข้อความในเฟซบุ๊ช ว่า หลังฟังคำพิพากษาตนได้ร้องไห้ ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ใส่กุญแจมือนำตัวไปขังคุก ซึ่งล้วนเป็นเท็จทั้งสิ้น ทำให้ตนได้รับความเสียหาย เพราะความจริงแล้ว ตนก็ยังนั่งในห้องพิจารณา รอชำระค่าปรับ  ไม่ได้ร้องไห้  ถูกสวมกุญแจมือ  หรือนำตัวไปคุมขังแต่อย่างใด.