'พี่เต้'หายซ่า!! ยกมือไหว้ขอโทษ'ศักดิ์สยาม'หน้าศาลจังหวัดบุรีรัมย์ รับกล่าวหาเรื่องชู้สาว-คลัสเตอร์โควิด ทำเสียชื่อเสียง ด้าน'ศักดิ์สยาม'เผยเห็นความตั้งใจที่ขอโทษจึงให้อภัย ดัดนิสัยให้โพสต์โซเชียลขอโทษ 15 วันติดต่อกัน พร้อมคงเนื้อหาไว้ 10 ปี หากเบี้ยวจ่ายค่าเสียหาย 5 ล้าน
จากกรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ เต้พระราม 7 อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ไลฟ์สดกล่าวหา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไปเที่ยวผับย่านทองหล่อ จนทำให้เกิดคลัสเตอร์แพร่ระบาดโควิด เมื่อปี 2564 และมีการกล่าวหาทั้งเรื่องชู้สาวอีกหลายกรณีจนถูกนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ซึ่งดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม ในขณะนั้นได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงจึงได้มอบหมายให้ทนายความแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ แต่นายมงคลกิตต์ ไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จึงถูกออกหมายจับ โดยศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ข้อหา "หมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ในระบบคอมพิวเตอร์ สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์"
จากนั้นคดีเข้าสู่กระบวนศาล โดยล่าสุดวันนี้ (22 ม.ค.2568) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม ในฐานะโจทก์ร่วม และเป็นผู้เสียหายในคดี พร้อมนายมงคลกิตต์ จำเลย และทนายความได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ หลังนัดสืบพยานนัดแรก แต่ในวันนี้ทั้งโจทก์และจำเลยมีการพูดคุยไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกันในชั้นพิจารณาคดี แต่โจทก์มีเงื่อนไขให้จำเลยขอโทษในสื่อไซเชียลต่างๆ ตามข้อตกลง แล้วโจทก์จะถอนฟ้องในคดีดังกล่าว
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ กล่าวว่า จากกรณีที่ตนเองเคยไลฟ์เฟสบุ๊กวันที่ 17 เม.ย.2564 และมีการโพสต์ในวันที่ 24 เม.ย.2564, 27 เม.ย.2564 และวันที่ 1 พ.ค.2564 หลายเหตุการณ์ เช่น เรื่องการแพร่ระบาดโควิด คริสตัลทองหล่อ โพสต์เฟสบุ๊ก ภาพนายศักดิ์สยาม กับผู้หญิง 2 -3 คนทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด คลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริง ทั้งมีการกล่าวหานายศักดิ์สยาม ในลักษณะชู้สาวกับผู้หญิง ซึ่งไม่เป็นความจริง ทั้งยังมีการให้สัมภาษณ์สื่อช่องหนึ่งพาดพิงถึงนายศักดิ์สยาม เกี่ยวกับคลัสเตอร์สุโขทัย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของตัวเอง ทั้งที่ความจริงนายศักดิ์สยาม ไม่ได้ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น จนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีกับตนเอง ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2564 หลังจากนั้นก็มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในฐานะฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
โดยนายมงคลกิตติ์ ยอมรับว่าทั้ง 4 เหตุการณ์เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของตัวเอง ทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของนายศักดิ์สยาม อัยการจึงสั่งฟ้องฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และส่งฟ้องศาล ล่าสุดมีการสืบพยานนัดแรก ท่านผู้พิการก็เปิดโอกาสอะไรที่พอพูดคุยกันได้ก็ให้คุยกัน ซึ่งตัวเองก็พร้อมคุยและขอโทษนายศักดิ์สยาม ในกรณีที่ล่วงเกินไปทำให้ต้องเสียชื่อเสียงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนายศักดิ์สยาม ก็ให้ความกรุณา ให้อภัยก็ถอนฟ้องในคดีอาญาให้
ซึ่งข้อตกลงในศาลตัวเองก็จะลงโพสต์เฟสบุ๊กเป็นระยะเวลา 15 วันแล้วก็บันทึกเทปในติ๊กต็อก เป็นเวลา 15 วัน ซึ่งเหตุการณ์มันผ่านไปแล้วอะไรที่ผิดตัวเองก็ยอมรับผิดก็ขอโทษซึ่งนายศักดิ์สยาม ให้อภัย ก็ดีใจที่ให้อภัย ซึ่งในตอนนั้นมันคนละบทบาท ช่วงนั้นท่านเป็นรัฐมนตรี ส่วนตัวเองเป็นฝ่ายค้านก็เป็นการกระทบกระทั่งกันบ้าง ตนในฐานะเป็นลูกผู้ชายผิดก็ยอมรับผิด พี่โอ๋ ก็เป็นผู้ใหญ่ใจดีก็ให้อภัย ยืนยันไม่มีใครบังคับ เพราะรัฐบาลชุดที่แล้วมีคนเดียวที่กล้าฟ้องตนเองก็คือ พี่โอ๋
จากสิ่งที่เกิดขึ้นก็อยากฝากว่าการดำเนินการในฐานะฝ่ายค้านก็ต้องตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ เพราะถ้าไม่รอบคอบก็อาจจะถูกฟ้อง ก็มีหลายเหตุการณ์ที่หลายคนถูกฟ้อง แต่บางรายก็ประนีประนอมกันได้ แต่บางรายก็ประนีประนอมกันไม่ได้ แต่ฝ่ายค้านและรัฐบาลมันไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร สุดท้ายมาเป็นเพื่อนกันก็มี ในตัวในห้วงที่ผ่านมาก็ทำหน้าที่หลายบทบาทการที่เดินทางบุรีรัมย์น่าจะ 10 ครั้ง ในคดีนี้ก็ถือว่าเสียเวลา เสียเวลาที่จะไปดูแลพี่น้องประชาชน เพราะในอนาคตก็ต้องทำหน้าที่ต่อ
หลังจากให้สัมภาษณ์ นายมงคลกิตต์ ได้ยกมือไหว้ขอโทษนายศักดิ์สยาม ซึ่งนายศักดิ์สยาม ก็รับไหว้
ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมา 4 ปีแล้วก็มีการนำเข้าสู่การอภิปรายและมีการชี้แจง ซึ่งขณะนั้นนายมงคลกิตติ์ ก็เป็นฝ่ายค้านไม่ได้มีการพูดคุยกัน ตนก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่นายมงคลกิตติ์ จะดำเนินการอะไรที่เป็นเรื่องจริง กระทั่งเมื่อวานที่มีการสืบพยานนัดแรก นายมงคลกิตต์ ก็เดินเข้ามาทักทายและเข้าไปใจห้องพิจารณา ก็มีการพูดคุยกันว่าถ้าจะมีการไกล่เกลี่ยขอโทษกันตนเองจะว่ายังไง ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่ก็ต้องทำเรื่องจริงให้ปรากฎว่าเรื่องที่ได้กล่าวหากันความจริงเป็นยังไง ซึ่งนายมงคลกิตต์ ก็ยอมรับว่าทุกเรื่องไม่เป็นความจริง
เมื่อนายมงคลกิตติ์ ยอมรับแล้ว ตัวเองก็ยินดีที่จะให้อภัย แต่ในสิ่งที่เกิดขึ้นประชาชนก็ได้รับทราบข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ดังนั้น จึงได้เรียกต่อศาลว่าได้ขอนายมงคลกิตติ์ แก้เรื่องดังกล่าวให้ ด้วยการลงสื่อโซเชียลต่างๆ เป็นเวลา 15 วัน เพื่อให้เห็นว่านายมงคลกิตต์ มีความจริงใจที่จะขอโทษและแก้ไขให้เกิดข้อเท็จจริง ซึ่งที่ผ่านมานายมงคลกิตติ์ ก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ดี แต่ก็อยากฝากให้ตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อน
ก็คิดว่าน่าจะเป็นกรณีศึกษาสำหรับคนที่จะทำหน้าที่ต่อจากนี้ หรือใครก็ตามที่จะกล่าวหาใครควรตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ เพราะจะเสียเวลาและเสียชื่อเสียงทั้งสองฝ่าย ก็ดีใจที่นายมงคลกิตติ์ ทำเรื่องนี้ให้ได้ข้อยุติ และหวังว่านายมงคลกิตติ์จะไม่ทำอะไรกับตนเองแบบนี้อีก ทั้งกล่าวทิ้งท้ายว่าในความเป็นจริงคนไทยทุกคนก็เป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว ซึ่งในการอภิปรายที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยดำเนินคดีกับใครเลย แต่นายมงคลกิตติ์ เอาเรื่องส่วนตัวของตัวเองซึ่งไม่ใช่เรื่องจริงมาพูด ก็จำเป็นต้องดำเนินคดีเพื่อให้เกิดความจริง
หลังจากวันนี้ก็ต้องรอดูว่านายมงคลกิตติ์ จะดำเนินการโพสต์โซเชียล และไลฟ์ในติ๊กต็อกขอโทษให้ครบ 15 วันหรือไม่ เพราะในสัญญาประนีประนอมต้องทำต่อเนื่อง และต้องคงไว้ในโซเชียลเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี แต่หากมีการลบก็ต้องจ่ายค่าเสียหาย 5 ล้านบาท
หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ นายมงคลกิตติ์ และนายศักดิ์สยาม ก็มีการจับมือกันเพื่อแสดงออกว่ามีการขอโทษและให้อภัยกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี