ตร.ลุมพินี ฝากขัง หนุ่มไทยซิกข์ หัวร้อน ซิ่งเก๋งชนหนุ่มไรเดอร์ ตาย โชคดีศาลให้ประกัน 6 แสน กำหนดเงื่อนไขติดกำไล EM ห้ามออกนอก !
วันที่ 22 มกราคม 68 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง พนักงานสอบสวนสน.ลุมพินี นำตัวนายเสรี อายุ 30 ปี หนุ่มไทยซิกข์ บุตรชายเจ้าของร้ายขายผ้าย่านสุขุมวิท ผู้ต้องหาคดีขับรถยนต์ชนไรเดอร์ เสียชีวิตมายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก โดยพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์สรุปว่า
ก่อนเกิดเหตุ นายเสรี ผู้ต้องหาได้ขับขี่รถยนต์ ได้เกิดมีปัญหาทะเลาะวิวาทกันกับนายฤทธิศักดิ์ อายุ 49 ปี หนุ่มไรเดอร์ผู้ตาย ซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จากบริเวณแยกอโศก ถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้า จนกระทั่งทั้งคู่ขับขี่มาจอดบริเวณช่องทางที่ 3 (จากขอบทางด้านซ้าย) ถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้า ใกล้กับปากซอยสุขุมวิท 10 โดยทั้งสองฝ่ายได้มีปากเสียงกัน หลังจากนั้น นายฤทธิศักดิ์ฯ ผู้ตาย ได้ขับขี่จักรยานยนต์ออกมาจากที่บริเวณดังกล่าว โดยมี ผู้ต้องหาขับขี่ตามกันมาในช่องทางที่ 3 (จากขอบทาง ด้านซ้าย) เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ผู้ตายได้เปลี่ยนช่องทางเดินรถเข้ามายังช่องทางเดินรถทางซ้าย ผู้ต้องหาได้เปลี่ยนช่องทางเข้ามาเพื่อไล่เฉี่ยวชน รถจักรยายนต์ของผู้ตายเสียหลักล้มลง และผู้ต้องหาขับขี่รถยนต์คันที่เกิดเหตุหลบหนีมุ่งหน้าแยกนานา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจาก ร.ต.อ.นริศ โปร่งแสง รอง สว.จร.สน.ลุมพินี ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณดังกล่าว จนทราบถึงตำหนิรูปพรรณรถยนต์คันที่ถูกจับกุมใช้ก่อเหตุ และ ได้แจ้งให้ ร.ต.ท.นันทธวัฒน์ นุริตานนท์ รอง สว.จร.สน.ลุมพินี และ ด.ต.วรพล เสมาฉิม ผบ.หมู่(จร.)สน.ลุมพินี ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมสัญญาณไฟในแยกนานา ได้สังเกตและตรวจสอบพบรถคันดังกล่าวที่มาถึงแยกนานา จึงได้เรียกให้หยุดรถ และขอตรวจสอบผู้ขับ ขี่ ทราบชื่อคือ ผู้ต้องหา ตรวจสอบในรถยนต์ไม่พบ ผู้อื่นโดยสารอยู่อีก และไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายอื่นๆ จึงได้ควบคุมตัวไว้สอบถามผู้ต้องหาให้การยอมรับ ว่าเป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวและเฉี่ยวชนผู้ตายตามวัน เวลา ที่เกิดเหตุจริง
จากนั้น ร.ต.อ.แมนมิตร โม่งแสวง รองสว.จร.สนลุมพินี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่างผู้ตาย เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อฮอนด้า คันสีขาว-ดำ คันหมายเลขทะเบียน 7 ขณ-906 ซึ่งเป็นคันเดียวกันกับที่ถูกผู้ต้องหาเฉี่ยวชน นอนนิ่งอยู่บริเวณทางเดินเท้า สภาพร่างกายหักผิดรูป จึงได้แจ้งประสานกู้ชีพให้มายังที่เกิดเหตุ โดยต่อมาทราบว่า ผู้ตายถึงแก่ความตายในบริเวณที่เกิดเหตุ
จากการสอบถามพยานผู้พบเห็นเหตุการณ์จนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาและ ผู้ตายได้มีปากเสียงกันบริเวณปากซอยสุขุมวิท10 ถนนสุขุมวิทขาเข้า และมีการขับขี่รถไล่ตามกันมาจนถึงที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น พฤติการณ์ดังกล่าวมิใช่เหตุขับรถเฉี่ยวชนกันตามปกติ โดยจากพฤติการณ์เห็นได้ว่าผู้ต้องหามีเจตนาขับขี่รถไล่เฉี่ยวชนผู้ตายเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า"ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา"จากนั้นได้ทำการตรวจยึดรถยนต์ของผู้ถูกจับกุมไว้เป็นของกลาง และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้จากพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้น ขณะเกิดเหตุนั้น ผู้ต้องหาได้ขับรถไล่ตามผู้ตาย ลักษณะที่ใช้ความเร็วสูง ในไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของบุคคลอื่น ซึ่งระหว่างนั้นมีประชาชนทั่งไปใช้รถใช้ถนนสัญจรไปมาเป็นจำนวนมาก
การกระทำดังกล่าวอาจเกิดอันตรายแก่ผู้อื่น พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาเพิ่มเติมให้ผู้ต้องหาทราบว่า "ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น"เหตุเกิดที่ ถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้า หน้าโครงการก่อสร้าง(ไม่ทราบชื่อ) ระหว่างซอยสุขุมวิท 30ถึง บริเวณซอยสุขุมวิท 8 แขวงคลองเตย เขตคลองเตยกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่21 มกราคม 2568 เวลาประมาณ11.52 น.
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" และ ขับรถโดยไม่คำนึ่งถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น" ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา289 มีอัตราโทษ ประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี, พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ ) พ.ศ.2565 มาตรา43(8) อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่5,000-20,000 บาท
ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การ "ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา"
ทั้งนี้พนักงานสอบสวนต้องสอบพยานอีก 6 ปาก รอผลการตรวจประวัติอาชญากร ผู้ต้องหา รอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง และอื่นๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้12 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมถึง 2 กุมภาพันธ์
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าหากได้รับการประกันตัวผู้ต้องหาจะหลบหนี
ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมาญาติผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด ขอปล่อยชั่วคราว
ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาโดยตีราคาประกัน 6 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนให้ผู้ต้องหาติดกำไลEM และห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากศาล
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : น.1 สั่งฟันขั้นเด็ดขาด! แจ้ง 2 ข้อหาหนัก เก๋งหัวร้อนขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี