อัยการสาวนครพนมสุดทน กลิ่นขี้หมู เสียงจากฟาร์มใหญ่สร้างผลกระทบต่อชุมชน นำชาวบ้านเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อผู้ว่าฯนครพนม เผยเคยร้องเรียนตามขั้นตอนแต่เพิกเฉย
วันที่ 23 ม.ค.68 ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนม ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า ร.ต.ท.หญิง จิรายุ สุขนา รองอัยการจังหวัดสกลนคร พร้อมด้วย จ.ส.อ.ไวพร คำภูเงิน เสมียนศาลอัยการ ศาลมณฑลทหารบกที่ 29 สกลนคร และชาวบ้านโนนห้วยแคน หมู่ 14 ต.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม กว่า 10 คนเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ผ่านนายไชยวุฒิ วัชเรนทร์สุนทร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมฯ กรณีได้รับผลกระทบจากผู้ประกอบการฟาร์มหมูเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งนานกว่า 2 ปี
อัยการสาวกล่าวว่า ตนได้ปลูกบ้านอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ปี 2561 โดยมีประชาชนอยู่ร่วมกันหลายสิบหลังคาเรือน แต่เหมือนเป็นชุมชนตกสำรวจ เพราะขาดแคลนทั้งแหล่งน้ำและไฟฟ้า ชาวบ้านจึงแก้ไขปัญหาด้วยการติดตั้งโซล่าเซลล์และขุดเจาะน้ำบาดาลด้วยตนเอง กระทั่งปี 2564 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอนาหว้า ได้จัดประชุมแจ้งกับชาวบ้านว่า จะมีการขยายเขตไฟฟ้าคาดแล้วเสร็จในปี 2565 ซึ่งเกิดจากการตั้งฟาร์มหมูของบริษัทเอกชนชื่อดังโดยมีชาวบ้านบางส่วนยินยอมให้มีการจัดตั้งฟาร์ม เมื่อถึงปี 65 ก็ยังไม่มีการขยายเขตแต่อย่างใด สอบถามก็ทราบเพิ่มเติมว่า การไฟฟ้าฯจะดำเนินการขยายเขตให้ โดยมีเงื่อนไขว่าชาวบ้านจะต้องประชาคม ยินยอมให้ฟาร์มหมูขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น
ร.ต.ท.หญิง จิรายุ สุขนา รองอัยการจังหวัดสกลนคร กล่าวต่อว่า ตนและชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่ยิมยอมให้ตั้งฟาร์มหมูมาตั้งแต่ต้น กระบวนการประชาคมก็ไม่เป็นไปอย่างทั่วถึง ซึ่งตนรวมถึงชาวบ้านบางส่วนไม่เคยได้รับแจ้งว่ามีการประชาคมสร้างฟาร์มหมูขนาดใหญ่ บนเนื้อที่หลายร้อยไร่ และหลังจากตั้งฟาร์มแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2566 ก็เริ่มเกิดปัญหามลพิษ มลภาวะ ส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม บ้านเรือนละแวกใกล้เคียงต่างได้กลิ่นเหม็นขี้หมูอย่างรุนแรง มีกองทัพแมลงวันจำนวนมหาศาล บินตอมอาหาร สิ่งของ ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคระบาดต่อชาวบ้านและสัตว์เลี้ยง รวมถึงมลภาวะทางเสียงจากพัดลมระบายความร้อนดังรบกวนอยู่ตลอดเวลา
โดยเฉพาะช่วงตอนกลางคืนกลิ่นและเสียง ก่อความรบกวนการหลับนอน ทั้งมีการปล่อยสิ่งปฏิกูลของเสียลงสู่ลำห้วยหรือแหล่งน้ำสาธารณะ และในที่ดินของชาวบ้าน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ นอกจากนี้ยังกระทบต่อน้ำบาดาลของชาวบ้าน เกิดความขาดแคลนน้ำใต้ดิน แม้จะมีการร้องเรียนไปยังผู้นำชุมชน ท้องถิ่น อำเภอ แต่กลับถูกเพิกเฉยโดยไม่มีการดำเนินการใดๆ ยิ่งฤดูร้อนและฤดูหนาวชาวบ้านจะได้รับผลกระทบทางเสียง และปัญหาขาดแคลนน้ำใช้อย่างรุนแง เพราะทางฟาร์มจะดึงน้ำจากแหล่งน้ำใต้ดินไปใช้ ตนและชาวบ้านไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว จึงกราบวิงวอน ผวจ.นครพนม ในฐานะประมุขและผู้บริหารสูงสุดของจังหวัด ดำเนินการให้มีการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว
ที่สำคัญทางฟาร์มอ้างว่า เฟส 2 และ เฟส 3 ได้รับการอนุมัติให้ขยายพื้นที่จากจังหวัดนครพนมเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ไม่ผ่านการประชาคมจากชุมชนแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี