บรรยากาศที่ว่าการอำเภอเมืองนครนายก ได้จัดจดทะเบียนคู่สมรสเท่าเทียมได้เดินทางมาจดทะเบียน 6 คู่ไม่ขอออกสื่อ 3 คู่

วันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ว่าการอำเภอเมืองนครนายก นายพีระ การุญ นายอำเภอเมืองนครนายก มอบหมายให้ นางสาวณัฐภัทรา รามาตย์ ปลัดอำเภอหัวหน้าแผนกทะเบียน และว่าที่ร้อยตรีกานต์ พิทักษ์เตชกุล ปลัดอำเภอกลุ่มงานทะเบียนและบัตร ได้เป็นผู้ดำเนินการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมที่กฎหมายออกพระราชบัญญัติ ได้แก่ คู่ที่ 1 (ชายรักชาย)

นายอรรถพล ฉั่นบุตร อายุ 41 ปี กับ นายชวิศา เปรมศรี อายุ 33 ปี ได้จดทะเบียนสมรสเท่าเทียมเป็นคู่แรกของสำนักทะเบียนอำเภอเมืองนครนายก ทั้งคู่มีภูมิลำเนาอยู่ตำบลพรหมณี อำเภอเมืองนครนายก ซึ่งทั้งคู่เปิดเผยว่าคบกันมาได้ 11 ปี วันนี้เป็นวันที่รอคอยจึงได้มาจดทะเบียนสมรส

คู่ที่ 2 (หญิงรักหญิง) นางสาวสุภัศรา ศรีประเสริฐยิ่ง อายุ 34 ปี นางสาววริสรา กาญจนกันติ อายุ 34 ปี ได้จดทะเบียนสมรสเท่าเทียมคู่ที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่อำเภอบ้านนา นครนายก และอำเภอโพธารามจังหวัดราชบุรี คบกันมา 17 ปี

คู่ที่ 3 (หญิงรักหญิง) นางสาวปาริชาติ ขุนสูงเนิน อายุ   52 ปี กับ นางสาวอัจฉรา ดีแสน อายุ 46 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ดงละคร อำเภอเมืองนครนายก คบหากันมากว่า 18 ปี ซึ่งทั้ง 3 คู่ก็รอวันนี้คอยเพื่อมาจดทะเบียนสมรสดังกล่าว

ทั้งนี้ 23 มกราคม 2568 เป็นวันที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมหรือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ มอบสิทธิให้กับบุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศไม่ว่าเพศใดสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างเท่าเทียมภายใต้กฎหมาย

กฎหมายสมรสเท่าเทียมได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว และกำหนดเวลาอีก 120 วันเพื่อที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างๆได้ปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดคล้องอย่างเช่น ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว ซึ่งมีรายละเอียดการปรับถ้อยคำจาก "ชาย-หญิง" เป็น "บุคคล" และ "สามี-ภริยา" เป็น "คู่สมรส" โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ม.ค. 2568

เส้นทางของการต่อสู้เพื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมเดินทางมาเป็นเวลากว่าทศวรรษ และร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรไทยในวาระที่หนึ่งเมื่อเดือน ธ.ค. 2566 และผ่านความเห็นชอบในวาระสุดท้ายจากวุฒิสภาในเดือน มิ.ย. 2567 ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษาในอีก 3 เดือนถัดจากนั้น และมีผลบังคับใช้จริงในวันนี้