ตัดไฟ-อินเตอร์เนต
แม่ระมาด-แม่สอด
ลุยสกัดแก๊งคอลฯ
ตั้งฐานหลอกปชช.
“ภูมิธรรม” ชี้แจงหลังสื่อเมียนมาแฉไทยจ่ายไฟให้คอลเซ็นเตอร์ เผยตัดไฟชายแดนไปแล้ว 2 จุด “แม่ระมาด-แม่สอด” ตั้งแต่มิถุนายนปีที่แล้วย้ำไทยไม่ใช่ทางผ่าน แค่ประเทศเดียว ชี้ส่วนใหญ่ไปทำงานสมัครใจ ได้ค่าแรงสูง ‘อนุทิน’ตอกกลับ‘โรม’ข้องใจเมินตรวจสอบคู่สัญญาซื้อไฟ โยงเอื้อ‘แก๊งคอลฯ’ย้ำ‘กฟภ.’ขายไฟให้บริษัทที่รัฐบาลเมียนมาไฟเขียว เขาจะไปทำอะไรอยู่นอกอำนาจอธิปไตย-ไม่ใช่หน้าที่ ลั่นนี่‘กระทรวงมหาดไทย’ไม่ใช่‘กระทรวงมหาดพม่า’จเรตำรวจแห่งชาติหารือทางการจีน เตรียมคิกออฟศูนย์ประสานงานร่วมไทย-จีน ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 มกราคม 2568 ที่กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีสื่อเมียนมา ระบุประเทศไทยเป็นผู้ที่ขายไฟฟ้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขบวนการพนันออนไลน์ จะมีการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไร ว่า พื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่สร้างปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ และอยู่ในฝั่งเมียนมา ซึ่งมีการประสานงานกันให้ช่วยแก้ไข แต่ทางเมียนมาก็บอกว่าเป็นพื้นที่ที่เขายากจะเข้าไป เพราะมีกำลังของชนกลุ่มน้อย อีกทั้งจริงๆการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ก็ดำเนินการบนพื้นฐานที่มีการจ่ายไฟข้ามแดน ซึ่งเป็นวัตรปฏิบัติปกติ แต่พอเกิดเรื่องแล้วก็มีการตรวจสอบ ซึ่งจุดที่เราดำเนินการ 4 แห่ง มีที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 , ชายแดนเมืองเมียวดี, อำเภอแม่ระมาด และอำเภอแม่สอด
โดยที่เมียวดี กับ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ตรวจสอบแล้วเป็นพื้นที่ที่ประชาชนใช้งานจริง ก็ไม่มีการปิดกั้นอะไร จึงปล่อยให้ดำเนินการได้ แต่ส่วนที่มีปัญหาคือ อำเภอแม่ระมาด กับอำเภอแม่สอด ซึ่งเป็นแหล่งที่มีการพนันออนไลน์ มีคอลเซ็นเตอร์ ได้ดำเนินการตัดไฟไปแล้วตั้งแต่ 5 มิถุนายน 2567 จากนั้นก็มีการตรวจสอบและประสานงานอย่างเต็มที่ โดยหลายเรื่องที่ผิดกฎหมาย ก็รื้อเสาสัญญาณ หรือ ฐานส่งสัญญาณ พร้อมกับประสานกับ กสทช. อีกส่วนก็ประสานกับบริษัทที่เป็นโอเปอเรเตอร์ ดำเนินการเรื่องที่ยังเป็นปัญหาอยู่ คือเรื่องของอินเตอร์เน็ต ซึ่งวันนี้ได้คุยกันแล้วก็คิดว่าจะมีการดำเนินการเร็วๆ นี้
“ไฟตัดแล้ว ซึ่งไฟทำสัญญาปีต่อปี ก็ว่ากันเป็นส่วนๆ ส่วนที่มีปัญหาเราก็ได้จัดการแล้ว จริงๆ เรื่องนี้มันไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียว เป็นเรื่องที่เมียนมา และจีน ที่ต้องช่วยกัน ซึ่งจีนก็ประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาจะดำเนินการเต็มที่ และไทยก็ประกาศชัดเจนว่าจะดำเนินการเต็มที่เช่นกัน เพราะฉะนั้นของเราตอนนี้ที่มีปัญหาและถูกกล่าวหาคือเรื่องไฟ กับ การเป็นทางผ่าน จริงๆ เวลาตรวจสอบคนงานที่เข้าไปทำงานที่ชเวโก๊ะโก หรือทางฝั่งเมียนมา ไม่ได้มาจากไทยที่เดียว เพราะบางคนก็ผ่านมาทางสุวรรณภูมิ ซึ่งก็มีกล้องจับตาดู เข้ามาโดยปกติ ไม่ผิดกฎหมาย และมาเป็นแนวท่องเที่ยว”นายภูมิธรรม ย้ำ
“ไฟตัดแล้ว ซึ่งไฟทำสัญญาปีต่อปี ก็ว่ากันเป็นส่วนๆ ส่วนที่มีปัญหาเราก็ได้จัดการแล้ว จริงๆเรื่องนี้มันไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียว เป็นเรื่องที่เมียนมา และจีน ที่ต้องช่วยกัน ซึ่งจีนก็ประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาจะดำเนินการเต็มที่ และไทยก็ประกาศชัดเจนว่าจะดำเนินการเต็มที่เช่นกัน เพราะฉะนั้นของเราตอนนี้ที่มีปัญหาและถูกกล่าวหาคือเรื่องไฟ กับ การเป็นทางผ่าน จริงๆ เวลาตรวจสอบคนงานที่เข้าไปทำงานที่ชเวโก๊ะโก หรือทางฝั่งเมียนมา ไม่ได้มาจากไทยที่เดียว เพราะบางคนก็ผ่านมาทางสุวรรณภูมิ ซึ่งก็มีกล้องจับตาดู เข้ามาโดยปกติ ไม่ผิดกฎหมาย และมาเป็นแนวท่องเที่ยว”นายภูมิธรรม ย้ำ
ส่วนกรณีชาวอินโดนีเซีย 32 คน ที่จับได้ ก็เดินทางผ่านสุวรรณภูมิ 12 คน และไปปรากฏที่ด่าน รายงานอยู่ 8 คน แต่อีก 4 คน ไม่ทราบไปไหน ส่วนอีก 20 คนยังไม่มีที่มา ก็ตรวจสอบอยู่ นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องบินจากยุโรป-แอฟริกา บินเข้าเมียนมาโดยตรงผ่านทางย่างกุ้ง อีกส่วนมาจากเมืองจีนก็เข้าที่เมียวดีเลย เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่อีกหลายส่วนที่ต้องว่ากัน แต่โดยรวมการเข้าไปเท่าที่เราสอบสวนดู เป็นการเข้าไปโดยสมัครใจ เพราะคิดว่าเป็นงานที่มีค่าแรงสูง ดูได้จากโฆษณาตามออนไลน์ แต่พอทำงานแล้วไม่ได้ตามที่เขาต้องการ หรือผิดความคาดหมาย ก็มีจำนวนหนึ่งที่ทนไม่ได้และพยายามหนีออกมา อย่างที่เป็นข่าว 32 ชาวอินโดนีเซีย หนีเข้ามาได้ ซึ่งทาง ฉก.ราชมนู ไปพบเขาก็นำตัวมาและดำเนินการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ถ้าตรวจสอบแล้วไม่มีคดีอะไรก็ปล่อยไป เพราะฉะนั้นเรื่องไฟฟ้าเรากำลังดำเนินการอยู่ และทำไปบ้างแล้ว จริงๆ ถ้าจะบอกว่ามาจากไทยทั้งหมดคงไม่ใช่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า การไฟฟ้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องทำสัญญาซื้อขาย กับบริษัทที่ประเทศเพื่อนบ้านเป็นผู้เสนอชื่อมาให้ทางการไทย ซึ่งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกระทรวงการต่างประเทศ จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติและยืนยันให้ กฟภ. ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ ถือว่าจบ ส่วนเขาจะนำไฟฟ้าไปทำอะไรต่อเป็นกฎหมายของเขา แต่จะไม่มีที่ กฟภ. ไปขายไฟฟ้าให้กับบริษัทหนึ่ง ซึ่งทำสแกมเมอร์อยู่ แบบนี้ไม่มี พูดง่ายๆ คือการไฟฟ้าไทยขายให้กับการไฟฟ้าเมียนมา แต่เขาไปส่งใคร มันเกินอำนาจอธิปไตยที่เราจะไปยุ่งได้ ซึ่งในสัญญามีการระบุไว้ชัดเจน ว่าจะต้องนำไปใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ตั้งข้อสังเกต เป็นการขายไฟให้กับบริษัทที่ทำคอลเซ็นเตอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อท่านพูดมา เราก็ชี้แจงไปเท่านั้นเอง ตอบไป 3 รอบแล้ว ถ้ามีการขายให้คอลเซ็นเตอร์ คนที่ขายก็ไม่ใช่ กฟภ. เป็นบริษัทที่รับซื้อไฟจากเราเป็นคนไปขายต่อ จึงไม่ใช่หน้าที่ของตน และ ไม่ใช่หน้าที่ ของ กฟภ. ที่จะต้องไปตรวจสอบ เพราะมันเกิดขึ้นในประเทศของเพื่อนบ้าน ส่วนที่นายรังสิมันต์ ระบุว่า สมช. ยอมรับกับ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กิจการตามแนวชายแดนเป็นภัยต่อความมั่นคง มีการรายงานเรื่องนี้มาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของ สมช. รายงานไปแล้ว มันเกี่ยวอะไร เพราะเราขายไฟผ่านรัฐบาลผ่านเมียนมา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกระทรวงมหาดไทย เพราะนี่กระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่กระทรวงมหาดพม่า
วันเดียวกัน พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ และผู้อำนวยการ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ให้การต้อนรับคณะผู้แทนทางการจีน นำโดย Mr.Liu Ningning รองอธิบดีสืบสวนกลาง กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และหน่วยงานที่เกี่ยวของ ในการเข้าพบเพื่อหารือประสานความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ณ ห้องรับรอง 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ ได้มีการหารือกันใน 2 เรื่อง คือ 1.ความคืบหน้าขยายผลการจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับคดีนายหวังซิง นักแสดงจีนที่หายตัวไปอยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมา ซึ่งทางการจีนแจ้งว่าได้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องจำนวน 30 คน จับกุมไปแล้ว 22 คน เรื่องที่ 2. สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย และกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน จะตั้ง “ศูนย์ประสานงานป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน” โดยจะร่วมมือสืบสวน ขยายผล ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งในเขตเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา และฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ มีที่ตั้งอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทางการจีนจะขอให้มีศูนย์ประสานงานฯ ดังกล่าว ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ด้วย เพื่อจะได้ประสานงานได้อย่างรวดเร็วกรณีคนจีนถูกหลอกมาแล้วข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี