วันที่ 25 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้ขับรถยนต์ผ่านมาบนสาย 333 บ้านไร่ – หนองฉาง หมู่ 3 ต.คลองเคียน อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี พบชาวบ้าน และคนงานตัดอ้อยประมาณ 3-4 คน ได้ช่วยระวังไฟทีกำลังลุกไหม้โหมหนักจากป่าอ้อย มีควันลอยสีดำลอยขึ้นฟ้าจำนวนมาก จึงสอบถามทำไมต้องเผา คนงานตัดอ้อยกล่าวว่าที่ต้องเผา เพราะเวลาตัดอ้อย นั้นง่าย และรวดเร็ว

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้ขับรถยนต์ผ่านบริเวณด้านหลังศูนย์จราจรเขาบางแกรก มีการเผาใบอ้อยที่แห้งแล้ว เป็นวงกว้าง เพื่อให้หน่ออ้อยทีเป็นต่อขึ้นมา จากนั้นผู้สื่อข่างชวได้รับคลิปจากพลเมืองดีมีการเผาอ้อยที่บริเวณหมู่ 17 ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ในช่วงกลางคืนเพลิงไฟลุกไหม้ใบอ้อยเป็นวงกว่าง

ซึ่งก่อนหน้า อำเภอลานสักลงพื้นที่ตรวจสอบการเผาไร่อ้อย ตำบลน้ำรอบ พบเจ้าของไร่กระทำผิดและดำเนินการตามกฎหมาย และเกษตรกรจะถูกตัดสิทธิ์ในการให้ความช่วยเหลือจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึง 2 ปี โดยเหตุเกิดเมื่อ วันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ ต.น้ำรอบ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี นายชัยยุทธ พุทธิจุน รักษาราชการแทนเกษตรอำเภอลานสัก ลงพื้นที่ร่วมกับปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าตำรวจ สภ.ลานสัก ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำท้องที่ ของอำเภอลานสัก เพื่อตรวจสอบกรณีการเผาพื้นที่การเกษตร หรือไร่อ้อยในพื้นที่หมู่ 18 ตำบลน้ำรอบ ตรวจสอบ ณ จุดเกิดเหตุ พบมีการเผาไร่อ้อยจริง พื้นที่ 22 ไร่ 1 งาน

หลังจากนั้นปลัดอำเภอได้ชี้แจงว่าการเผาในช่วงที่ห้ามเผามีความผิดทางอาญา อาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท และมีความผิด พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามเจ้าพนักงานท้องถิ่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เกษตรได้แจ้งเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหา ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ภาคการเกษตร ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า เกษตรกรที่เผาในพื้นที่การเกษตรจะไม่ได้รับสิทธิในการเข้าร่วมโครงการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทุกโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 ถึง วันที่ 31 พฤษภาคม 2570

- 026