ทอ.ส่งเครื่องบินเจาะชั้นบรรยากาศระบายฝุ่น
ไทยจมฝุ่นพิษ!
กทม.4เขตวิกฤต-PM2.5พุ่ง
ประกาศพื้นที่คุมเหตุรำคาญ
มท.สั่งผู้ว่าฯเข้มก.ม.-ห้ามเผา
สธ.ยก5ระดับแจ้งเตือนปชช.
กทม.ยังวิกฤตฝุ่นพิษพุ่งระดับสีแดงกระทบสุขภาพ 4 พื้นที่อ่วม “หนองจอก”หนักเตือนปชช. “ใส่หน้ากาก-งดกิจกรรมกลางแจ้ง” ด้านโฆษกกทม. เผย ใช้“ประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ” ช่วงวิกฤต PM2.5 ปลัดฯสั่งเพิ่มความเข้มงวดแผนลดฝุ่นเน้นยังคับใช้กม.เด็ดขาด ด้าน‘ภูมิธรรม’เผยเล็งขันน๊อตแก้ฝุ่นระดับหน่วยงาน มากขึ้น จ่อนำถกในที่ประชุม รมต.กลาโหมของอาเซียน ขณะที่มท.สั่งทุกจว.ยกระดับแก้ฝุ่น จี้เข้มกม.-ห้ามเผาเด็ดขาด ทอ.เปิดปฏิบัติการสกัด PM2.5 กทม.-ปริมณฑล ตั้งศูนย์เกาะติดสถานการณ์ ส่ง เครื่องบิน BT-67 จำนวน 2 เครื่อง เจาะชั้นบรรยากาศ โปรยน้ำแข็งแห้ง26-30ม.ค.
เมื่อวันที่ 26มกราคม ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กPM 2.5 ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานครประจำวัน เวลา 07.00 น. วัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้ในช่วง 45.4 - 82.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 75.1มคก./ลบ.ม.)4 พื้นที่คือ
4เขตกทม.แดงโร่-หนองจอกแชมป์
1.เขตหนองจอก หน้าสำนักงานเขตหนองจอก มีค่าเท่ากับ 82.2มคก./ลบ.ม.2.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาลมีค่าเท่ากับ 81.2มคก./ลบ.ม. 3.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 78.6มคก./ลบ.ม.4.เขตบึงกุ่ม ในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 77.0มคก./ลบ.ม. ทั้งนี้ แนะประชาชนทุกคนงดกิจกรรมกลางแจ้งหากมีอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ ให้เตรียมยาอุปกรณ์ให้พร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เคร่งครัด
66พื้นที่ฝุ่นพิษสีส้มกระทบสุขภาพ
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ยังตรวจวัดได้เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5มคก./ลบ.ม.) 66 พื้นที่คือ1.เขตสายไหม ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตสายไหม : มีค่าเท่ากับ 71.1มคก./ลบ.ม.2.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 70.1มคก./ลบ.ม.3.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 69.0มคก./ลบ.ม.4.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 67.3มคก./ลบ.ม.5.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 67.0มคก./ลบ.ม.6.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 65.6มคก./ลบ.ม.7.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 65.5มคก./ลบ.ม.8.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 64.2มคก./ลบ.ม.9.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 64.0มคก./ลบ.ม.10.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 63.5มคก./ลบ.ม.
11.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 63.3มคก./ลบ.ม.12.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 62.6มคก./ลบ.ม.13.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มีค่าเท่ากับ 62.0มคก./ลบ.ม.14.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 :มีค่าเท่ากับ 61.9มคก./ลบ.ม.15.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 :มีค่าเท่ากับ 61.4มคก./ลบ.ม.16.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 59.9มคก./ลบ.ม.17.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 59.9มคก./ลบ.ม.18.เขตสะพานสูง ภายในสำนักงานเขตสะพานสูง : มีค่าเท่ากับ 59.7มคก./ลบ.ม.19.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธตรงข้ามกระทรวงการคลัง : มีค่าเท่ากับ 59.4มคก./ลบ.ม.20.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 59.3มคก./ลบ.ม.
21.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 58.7มคก./ลบ.ม.22.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 58.4มคก./ลบ.ม.23.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 57.6มคก./ลบ.ม.24.เขตดอนเมือง ด้านข้างสำนักงานเขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 57.5มคก./ลบ.ม.
25.สวนกีฬารามอินทราเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 56.8มคก./ลบ.ม.26.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 56.8มคก./ลบ.ม.27.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 56.6มคก./ลบ.ม.28.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า : มีค่าเท่ากับ 56.6มคก./ลบ.ม.29.เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 56.3มคก./ลบ.ม.
30.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 55.6มคก./ลบ.ม.
31.เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 55.4มคก./ลบ.ม.32.สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เขตบางคอแหลม : มีค่าเท่ากับ 54.6มคก./ลบ.ม.
33.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 54.6มคก./ลบ.ม.34.เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 54.2มคก./ลบ.ม.35.เขตพระนคร ภายในสำนักงานเขตพระนคร : มีค่าเท่ากับ 54.1มคก./ลบ.ม.36.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 53.7มคก./ลบ.ม.37.เขตดุสิต ริมสวนหย่อมตรงข้ามสำนักงานเขตดุสิต : มีค่าเท่ากับ 53.0มคก./ลบ.ม.38.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 52.7มคก./ลบ.ม.39.เขตวัฒนา ตรงข้าม noble Reveal(ข้าง MK gold restaurants) : มีค่าเท่ากับ 52.7มคก./ลบ.ม.
40.เขตจอมทอง ภายในสำนักงานเขตจอมทอง : มีค่าเท่ากับ 52.6มคก./ลบ.ม.
41.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 52.3มคก./ลบ.ม.42.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน : มีค่าเท่ากับ 52.2มคก./ลบ.ม.43.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 51.8มคก./ลบ.ม.44.เขตปทุมวัน หน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์ : มีค่าเท่ากับ 51.1มคก./ลบ.ม.45.เขตบางกะปิ ข้าง ป้อมตำรวจตรงข้ามสำนักงาน เขตบางกะปิ : มีค่าเท่ากับ 50.9มคก./ลบ.ม.46.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : มีค่าเท่ากับ 50.6มคก./ลบ.ม.
47.เขตทุ่งครุ หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี : มีค่าเท่ากับ 50.6มคก./ลบ.ม.48.สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 50.5มคก./ลบ.ม.49.เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ : มีค่าเท่ากับ 50.2มคก./ลบ.ม.50.เขตดินแดง ริมถนนวิภาวดีรังสิต : มีค่าเท่ากับ 50.0มคก./ลบ.ม.
51.สวนจตุจักร เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 49.3มคก./ลบ.ม.52.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขตบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 49.3มคก./ลบ.ม.53.เขตห้วยขวาง ภายในสำนักงานเขตห้วยขวาง (ด้านข้างโรงเพาะชำ) ถนนประชาอุทิศ : มีค่าเท่ากับ 49.2มคก./ลบ.ม.54.สวนบางแคภิรมย์ เขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 49.2มคก./ลบ.ม.55.สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 49.1มคก./ลบ.ม.56.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 48.8มคก./ลบ.ม.57.เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) : มีค่าเท่ากับ 48.6มคก./ลบ.ม.58.เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก : มีค่าเท่ากับ 48.5มคก./ลบ.ม.59.สวนหลวงพระราม 8เขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 47.8มคก./ลบ.ม.60.สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 47.8มคก./ลบ.ม.
ความเข้มข้นของฝุ่นทรงตัว
61.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 47.7มคก./ลบ.ม.62.สวนหลวง ร.9เขตประเวศ : มีค่าเท่ากับ 47.6มคก./ลบ.ม.63.สวนสันติภาพ เขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 46.6มคก./ลบ.ม.64.สวนลุมพินีเขตปทุมวัน : มีค่าเท่ากับ 46.3มคก./ลบ.ม.65.เขตบางแค ภายในสำนักงานเขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 46.0มคก./ลบ.ม.66.เขตราชเทวี ภายในสำนักงานเขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 45.4มคก./ลบ.ม
คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ฝุ่นระหว่างวันนี้ (26 มกราคม-2 กุมภาพันธ์) โดย
วันที่ 25-26 มกราคมการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์อ่อนประกอบกับเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้นต่อเนื่อง ทำให้การแพร่กระจายของมลพิษทางอากาศเป็นไปได้อย่างจำกัด คาดว่าความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัว จากนั้นวันที่ 27-28 มกราคมแนวโน้มลดลงเล็กน้อย เนื่องจากการระบายอากาศดีก่อนกลับมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
กทม.ประกาศพื้นที่ควบคุมฯ
ด้านนายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีมีข้อวิจารณ์กรุงเทพมหานคร (กทม.)ว่าไม่ใช้ประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญช่วงวิกฤตฝุ่น PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน ว่า ในข้อเท็จจริง กทม.โดยสำนักงานเขตต่างๆเคยออกประกาศ เรื่อง กำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ และใช้บังคับแล้วในปี 2566 เมื่อสถานการณ์ในเขตพื้นที่นั้นดีขึ้นไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของสาธารณชนแล้ว สำนักงานเขตออกประกาศยกเลิกประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญดังกล่าว ส่วนปี 2567 - 2568 หลายสำนักงานเขตออกประกาศเพื่อขอความร่วมมือเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกัน และแก้ปัญหาในพื้นที่เขต มีสำนักงานเขตหนองจอก สำนักงานเขตทวีวัฒนา และสำนักงานเขตบางกอกใหญ่ออกประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ พร้อมลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ
โฆษกทม.กล่าวต่อว่า สำหรับการออกประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญสำนักอนามัยจัดทำแนวทางการประกาศพื้นที่ควบคุมฯ เพื่อควบคุมป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นแนวทางให้สำนักงานเขตพิจารณาใช้มาตรการทางกฎหมายควบคุมป้องกันปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยการออกประกาศพื้นที่ควบคุมฯได้เมื่อในพื้นที่มีค่าความเข้มข้นของฝุ่นมากกว่า 75 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป ต่อเนื่องกัน 3 วัน
เดินหน้าแผนลดฝุ่น365วันต่อเนื่อง
โฆษกกทม.กล่าวอีกว่า นอกจากการใช้ยาแรง โดยประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญช่วงวิกฤตฝุ่น PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานแล้ว กทม.ยังฉีดล้างและดูดฝุ่นถนน ฉีดล้างใบไม้ในพื้นที่เขตและในสวนสาธารณะของกรุงเทพฯทุกวัน เข้มงวด ตรวจตรา ควบคุมไม่ให้มีการเผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภท อีกทั้งยังทำแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาฝุ่น“แผนลดฝุ่น 365 วัน” ในระยะปกติ ค่าฝุ่นสีฟ้า - เขียว ในระยะวิกฤต ค่าฝุ่นสีเหลือง - ส้มขึ้นไป ยังคงดำเนินการตามแผนต่อเนื่อง แต่เพิ่มมาตรการให้เข้มข้นยิ่งขึ้น จัดตั้ง War Room เพิ่มการแจ้งเตือนเป็น 3 ครั้ง/วัน เพิ่มการแจ้งเตือนผ่าน Line Alert รวมทั้งเพิ่มการติดตาม Hot Spot ตรวจควันดำ 3 ครั้ง/สัปดาห์ ประสานวัด/ศาลเจ้างดจุดธูปเทียน ห้ามจอดรถถนนสายหลัก/สายรอง หยุดก่อสร้าง ประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ ดำเนินมาตรการ Low Emission Zone (LEZ) มาตรการ WORK FROM HOME
ปลัดกทม.สั่งเข้มแผนลดฝุ่นช่วงวิกฤติ
เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันยังรุนแรง พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานครสั่งทุกหน่วยงาน เพิ่มความเข้มงวดดำเนินการตามมาตรการและแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2568 ดังนี้ เข้มงวดตรวจวัดตรวจจับรถยนต์ควันดำทุกประเภทจอดรถให้ดับเครื่อง และลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ควบคุมสถานประกอบกิจการ โรงงาน แพลนท์ปูน และสถานที่ก่อสร้างในพื้นที่ไม่ให้ปล่อยมลพิษอากาศเกินค่ามาตรฐาน ขอความร่วมมือศาลเจ้า มูลนิธิ และวัด งดจุดธูปและเผากระดาษ ตรวจเข้มห้ามเผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภท เพิ่มความถี่ในการล้างถนนและดูดฝุ่นถนน พิจารณาออกประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญในกรุงเทพมหานคร และบังคับใช้ประกาศอย่างเข้มงวดกับผู้ฝ่าฝืนมาตรการในประกาศฯ หากประชาชนพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษแจ้งเบาะแสได้ที่ Traffy Fondue ออกหน่วยบริการสาธารณสุขหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการคลินิกมลพิษทางอากาศดูแลสุขภาพประชาชน
กห.จ่อชงฝุ่นเข้ารมต.กลาโหมอาเซียน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกล่าวว่า ได้กำชับนโยบายการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไปยังกองทัพ ตอนนี้เรื่องฝุ่น เป็นเรื่องสำคัญระดับนานาชาติ เพราะเกี่ยวข้องกับหลายประเทศและจุดกำเนิดหลายจุดก็อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งนายกฯให้กระทรวงต่างประเทศประสานประเทศต่างๆ นอกจากนี้จะนำเข้าที่ประชุมรัฐมนตรีกลาโหมของอาเซียนด้วย โดยที่เรามีกองทัพภาคที่ 3 เป็นหน่วยหน้าอยู่ที่ภาคเหนือประสานกับหน่วยสาธารณะภัยต่างๆ รวมถึงตนสั่งกองทัพไปแล้ว เช่น กองทัพอากาศก็ได้ช่วยออกเครื่องบินลาดตระเวน ส่วนกองทัพบกตระเวนดูแลพื้นที่ต่างๆที่เราเกี่ยวข้องทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากนี้คงต้องคุยกันและบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆมากขึ้น
มท.สั่งจว.ยกระดับแก้ฝุ่นย้ำเข้มกม.
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) สั่งการปภ.ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ประสานจังหวัดยกระดับมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากฝุ่นอย่างเร่งด่วนทั้งควบคุมการเผาทางการเกษตรในพื้นที่ เน้นบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด ใช้กลไกท้องถิ่นและท้องที่มอบหมายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ตลอดจนประชาชนจิตอาสาร่วมกันสอดส่อง ป้องปราม ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดการเกิดฝุ่PM2.5 จากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ กรณีพบการเผาในพื้นที่ให้ยับยั้งการเผาทันทีและบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายในการห้ามเผาอย่างเด็ดขาด ยกระดับมาตรการลดผลกระทบต่อประชาชน โดยให้หน่วยงานด้านสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ออกหน่วยให้บริการประชาชน จัดหาอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นจัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) ห้องปลอดฝุ่น คลินิกมลพิษ ไว้บริการประชาชนเน้นดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ เด็กเยาวชนในสถานศึกษาหรือศูนย์เด็กเล็ก ผู้ทำงานกลางแจ้ง
ตรุษจีนขอลดใช้ธูปเทียน-เผากระดาษ
ขณะที่นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเร่งแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เกินมาตรฐานหลายพื้นที่ขณะนี้ ซึ่งในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีกิจกรรม เช่นจุดธูป จุดประทัด การเผากระดาษเงินกระดาษทอง เป็นปัจจัยที่ทำให้ปัญหาฝุ่นค่า PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้นในวงกว้าง และเนื่องจากสภาพอากาศแห้งช่วงฤดูหนาว เพิ่มความเสี่ยงเกิดอัคคีภัย ดังนั้น มาตรการควบคุมฝุ่น PM 2.5 และการป้องกันอันตรายช่วงตรุษจีน ต้องอาศัยความร่วมมือช่วยงดหรือลดการเผากระดาษเงินกระดาษทอง ลดการใช้ธูปเทียนบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นแนวทางช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 และป้องกันอัคคีภัย โดยสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือก เช่น ธูปไร้ควัน หรือการไหว้บูชาแบบออนไลน์ หากจำเป็นต้องจุดธูป ควรทำด้วยความระมัดระวัง ใช้ภาชนะทนไฟรองรับ เผาในเตาเผาที่มีคุณภาพ หรือพื้นที่ที่ไม่ก่อให้เกิดควันฝุ่นจำนวนมากให้เกิดการรับผิดชอบต่อสังคม
แห่ใช้รถไฟฟ้าฟรี1.63ล.เที่ยวเพิ่ม45%
นายพิเชฐคุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า จากมาตรการส่งเสริมให้ใช้บริการขนส่งสาธารณะรถไฟฟ้าทุกสายทางและรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 มกราคมรวม 7 วัน เพื่อลดฝุ่น โดยเริ่มดำเนินการวันที่ 25 มกราคมวันแรกตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสั่งการนั้น ปรากฎว่า มีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้ารวม 1,634,446 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 45.29 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันเสาร์ในสามสัปดาห์ของเดือนมกราคม 2568 (ค่าเฉลี่ยฯ) ที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.รถไฟฟ้า Airport Rail Link มีผู้ใช้บริการ 68,903 คน-เที่ยว มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 14,049 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.612.รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) มีผู้ใช้บริการ 35,705 คน-เที่ยว มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 8,951 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.463.รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) มีผู้ใช้บริการ 451,251 คน-เที่ยว มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 124,247 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 384.รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) มีผู้ใช้บริการ 59,160 คน-เที่ยว มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 13,361 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.17
5.รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) มีผู้ใช้บริการ 857,878 คน-เที่ยว มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 270,591 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.076.รถไฟฟ้าสายสีทองมีผู้ใช้บริการ18,691 คน-เที่ยว มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 10,966 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 141.957.รถไฟฟ้าสายนัคราพิพัฒน์ (สีเหลือง) มีผู้ใช้บริการ 63,796 คน-เที่ยวมากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 30,687 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 92.688.รถไฟฟ้าสายสีชมพูให้บริการ มีผู้ใช้บริการ 79,062 คน-เที่ยว มากกว่าค่าเฉลี่ยฯ 36,619 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 86.28
ทั้งนี้หากเรียงลำดับพบว่า มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีทองเพิ่มมากขึ้น 2.42 เท่า รองลงมาคือรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู เพิ่มขึ้นร้อยละ 92.68 และร้อยละ 86.28 ตามลำดับ โดยทั้ง 3 สายทางเป็นระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง (feeder) ที่มีเส้นทางผ่านที่อยู่อาศัยของประชาชนและเชื่อมโยงกับรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนหลัก
สธ.ยก5ข้อป้องกันฝุ่น“เช็ก-ใช้-เลี่ยง-ลด-ปิด”
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเผยว่า ช่วงนี้ไทยเข้าฤดูกาลฝุ่น PM2.5 หลายพื้นที่สถานการณ์น่าเป็นห่วง นายกฯกำชับให้ดูแลสุขภาพประชาชนโดยกรมอนามัยจัดทำข้อมูลการปฏิบัติตนช่วงค่าฝุ่น PM 2.5 โดยแบ่งตามค่าสีจากน้อยไปหามากมีทั้งหมด 5 สี ประกอบด้วย สีฟ้า ค่าฝุ่นอยู่ที่ 0-15.0มคก./ลบ.ม. คนทั่วไปทำกิจกรรมได้ตามปกติ สีเขียว ค่าฝุ่นอยู่ที่ 15.1-25 มคก./ลบ.ม.ยังทำกิจกรรมได้ปกติ แต่กลุ่มเสี่ยง ต้องเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือการทำงานที่ใช้แรงมาก
ส่วนสีเหลือง ค่าฝุ่นอยู่ที่ 25.1 – 37.5มคก./ลบ.ม. ประชาชนทั่วไปให้เลี่ยงออกกำลังกายกลางแจ้ง การทำงานที่ใช้แรงมาก ส่วนกลุ่มเสี่ยง ควรลดระยะเวลาออกกำลังกายกลางแจ้ง การทำงานที่ใช้แรงมาก สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองทุกครั้งเมื่ออยู่กลางแจ้ง สีส้ม ค่าฝุ่นอยู่ที่ 37.6 – 75.0มคก./ลบ.ม. ประชาชนทั่วไปควรลดระยะเวลาออกกำลังกายกลางแจ้ง การทำงานที่ใช้แรงมาก สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองทุกครั้งเมื่ออยู่กลางแจ้ง กลุ่มเสี่ยงให้จำกัดระยะเวลาออกกำลังกายกลางแจ้ง การทำงานที่ใช้แรงมาก สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นเมื่ออยู่กลางแจ้ง ควรอยู่ในห้องปลอดฝุ่น ลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองภายในบ้าน สำหรับสีแดง งดออกกำลังกายกลางแจ้ง การทำงานที่ใช้แรงมาก สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นเมื่ออยู่กลางแจ้ง ควรอยู่ในห้องปลอดฝุ่น ลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองภายในบ้าน
นอกจากนี้ยังมี 5 ข้อ สำหรับป้องกันฝุ่น เป็นสโลแกนให้จำง่ายว่าเช็ก ใช้ เลี่ยง ลด ปิด คือ เช็กค่าฝุ่นจากแอปพลิเคชั่น Air4Thai หรือ Life Dee ก่อนออกจากบ้าน ใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองทุกครั้ง เช่น หน้ากาก N95 เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งและเฝ้าระวังสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ลดกิจกรรมก่อฝุ่น เช่น การจุดธูป การปิ้งย่าง การเผา การสูบบุหรี่ การใช้รถส่วนตัว รวมถึงตรวจเช็กสภาพรถเป็นประจำ ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดหมั่นทำความสะอาดบ้านที่พัก หรือทำห้องปลอดฝุ่น
ทอ.ตั้งวอร์รูม-ส่งเครื่องบินทำฝนเทียม
พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศเผยว่า พล.อ.อ. พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ห่วงสถานการณ์ฝุ่นที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน จึงสั่งการให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศ ติดตามสถานการณ์และบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยปฏิบัติ ดังนี้1.ภาคอากาศ ให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ จัดเครื่องบิน BT-67 จำนวน 2 เครื่อง ระหว่างวันที่26-30 มกราคม เป็นฐานปฏิบัติการแก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองร่วมกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในกทม.ด้วยการเจาะชั้นบรรยากาศ ในรูปแบบการโปรยน้ำแข็งแห้งและสารฝนหลวง 2.ภาคพื้น ให้พิจารณาการปฏิบัติงาน Work from Home ของกำลังพลให้สอดคล้องนโยบายรัฐบาลจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมแนะนำให้ใช้รถยนต์สาธารณะหรือรถไฟฟ้าในการเดินทาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี